- 11 มิ.ย. 2562
ทนายตั้ม เฉลยแล้วหมวดจรูญพูดอะไร ทำครูปรีชาหัวร้อนรับไม่ได้ฟ้องหมิ่น
จากกรณีศาลจังหวัดกาญจนาบุรี นัดฟังคำพิพากษา ตัดสินคดีหวย 30 ล้านอลเวง หรือ คดีที่นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ในคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร เนื่องจากทั้งคู่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เงินรางวัล 30 ล้านบาท โดยศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องคดีหวย 30 ล้าน ที่ครูปรีชา ฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ ฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจร เนื่องจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บลอตเตอรี่ไปจริง ทั้งนี้ครูปรีชาไม่ต้องรับโทษ เนื่องจากเป็นโจทก์ในคดีนี้ แต่จำเลยสามารถฟ้องร้องได้ เนื่องจากทำให้เสียหาย ด้าน ทนายษิทราได้โพสต์ข้อความระบุว่า ด่วนหวย 30 ล้าน ศาลยกฟ้อง!! พวกเราทำสำเร็จ #ลุงจรูญชนะคดี
ต่อมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “#ไม่จบ ล่าสุดครูปรีชาฟ้องคุณลุงจรูญข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท ให้ลุงจรูญขอขมาครูปรีชาออกสื่อติดต่อกัน 7 วัน” กลับตาลปัตรกันไปหมด จริงๆต้องเป็นคุณลุงที่โกรธแค้นหาทางฟ้องกลับ นี่คุณลุงพยายามข่มอารมณ์ อโหสิกรรมให้ แต่ครูปรีชายังมาฟ้องคุณลุงอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครูปรีชาฟ้องหมวดจรูญหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย
ล่าสุดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีนี้ว่า จุดเดือดที่ทำให้ครูปรีชา ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทกับลุงจรูญ สืบเนื่องมาจาก 1 วัน ก่อนที่จะรับฟังคำตัดสินของศาลฯ คดีหวย 30 ล้านนั้น ลุงจรูญได้เปิดบ้านให้นักข่าวสังกัดต่างๆ เข้าสัมภาษณ์ แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งมีนักข่าวถามว่า ลุงจรูญมีอะไรจะฝากถึงครูปรีชามั้ย ซึ่งลุงก็ตอบไปว่า ไม่มีอะไรจะฝากถึงครูปรีชา แล้วลุงจรูญก็พูดขึ้นมากลางๆ ว่า คนที่มันเลวโดยสันดาน การศึกษาก็ไม่ช่วยอะไร ซึ่งถ้าในวันนั้นใครได้ดูไลฟ์สดหรือดูข่าวในวันนั้น ก็จะเห็นได้ว่าผมก็พูดด้วยว่า คุณลุงพูดแบบทั่วๆไป ไม่ได้หมายเจาะจงว่าเป็นใคร และไม่ได้เจาะจงว่าเป็นครูปรีชา.
หลังจากนั้นครูปรีชา ก็ยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่รับฟังการอ่านคำพิพากษาเลย ซึ่งตนและคุณลุงจรูญก็ยังงงๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมครูปรีชาถึงเป็นคนยื่นฟ้อง ทั้งๆที่จริงแล้วคนที่จะต้องยื่นฟ้องน่าจะเป็นคุณลุงจรูญมากกว่า เพราะลุงจรูญจะต้องมีความโมโห ที่เหมือนกับตัวเองถูกกลั่นแกล้งให้ต้องติดคุกติดตะราง แต่ว่ากลับกันคุณลุงกับอโหสิกรรมให้ แล้วก็ไม่อยากจะเอาเรื่องเอาราว
อีกทั้งลุงจรูญยังบอกอีกว่า ถ้าทางครูปรีชาสำนึกผิด ก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่กลับกลายมาเป็นว่าทางครูปรีชามาฟ้องคุณลุงจรูญ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกใจอยู่เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องนี้ตอนแรกตนก็ไม่อยากจะดำเนินคดี ไม่อยากจะทำอะไรหรอก แต่ว่าพอเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ประมาณอาทิตย์หน้าก็คงจะต้องเข้าไปคุยกับคุณลุงจรูญก่อนว่าจะเอายังไง เพราะว่าดูแล้วทางนั้นไม่ได้มีการสำนึกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำมา ทั้งที่คำพิพากษาค่อนข้างเห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่ ทนายษิทรา กล่าวว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณลุงจรูญและครอบครัว ซึ่งถ้ามีการให้ฟ้องร้องกลับจริงก็จะต้องฟ้องร้องในข้อหาที่เกี่ยวกับ ร่วมกันฟ้องเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จเข้านำสืบ แล้วก็รวมถึงพวกพยานที่เบิกความเท็จต่างๆ ด้วย ซึ่งก็ต้องไปดูสำนวนว่ามีใครที่เบิกความเท็จในประเด็นของคดีคนไหนบ้าง และมีนักกฎหมายคนไหนที่เข้ามาแต่งเติมเสริมให้พยานเบิกความขัดต่อความเป็นจริงบ้างหรือไม่
นายษิทรา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในเรื่องของเงิน 30 ล้าน ที่ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้นั้น ก็อยู่ระหว่างการเดินหน้าเพื่อขอถอนคำสั่งฯ แต่ก็ติดอยู่ตรงที่ศาลท่านได้มีคำสั่งไว้ในคราวก่อนว่า ให้คดีสิ้นสุด แต่หลังจากการอ่านคำพิพากษาแล้วก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนแล้ว ซึ่งอาจจะไม่ต้องรอจนคดีสิ้นสุดก็ได้ ทั้งนี้ก็จะลองทำเรื่องยื่นไปก่อนครับ.