- 16 มิ.ย. 2562
ล่าสุดทางด้านศิริพร อำไพพงษ์ เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว เป็นปีแล้ว
กลายเป็นเรื่องราวดราม่าขึ้นมาทันที หลังจากที่นักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง "ศิริพร อำไพพงษ์" ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก บอกว่า พรนิต้าคลินิก #ปิดใริการถาวร ห้บแล้วนะคะ อย่าหลงไปทำ ทั้งคนที่อยากทำศัลยกรรม และคุณหมอนะคะ ทุกอย่างมีกฏหมาย หยุดเอาชื่อพี่นางไปแอบอ้างได้แล้วนะคะ #แชร์ช่วยพี่นางด้วยนะคะ
ทั้งนี้หากย้อนไปดูธุรกิจคลินิกที่เจ้าตัวลงทุนควักเงินหลายล้านเปิดนั้น ได้ตั้งใจให้ลูกสาวบุญธรรมที่รับเลี้ยง มาดูแล โดยได้เปิดตัวลูกสาวบุญธรรมด้วย ชื่ออรนภา ดวงดี ซึ่งเจ้าตัวออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากตนไม่มีลูกจึงรับเลี้ยงลูกบุญธรรมคนนี้ได้ 8-9 ปีแล้ว ไม่ปฏิเสธว่ามีเงินเก็บร้อยล้านจริง แต่เป็นเพราะตนทำงานเพลงมานานหลายปี พร้อมยอมรับส่วนเล็กๆ ก็ได้มาจากการเล่นลอตเตอรี่ที่มักจะถูกบ่อยๆ จึงอยากเปิดคลินิกเสริมความงาม
โดยก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊กเจ๊เผือก ได้โพสต์ข้อความเล่ารายละเอียด สาเหตุเบื้องหลังที่นักร้องคนดังประกาศปิดคลินิก ทั้งที่เพิ่งเริ่มทำมาได้ปีกว่าๆ ระบุว่า "สรุปสั้นๆนะคะ อรนภาคือคนที่พี่นางเอามาเป็นลูกบุญธรรม พี่นางเห็นว่าอรนภามีความสามารถเรื่องการทำความสวยความงาม พี่นางจึงเปิดคลีนิคให้อรนภาดูแล ต่อมาอรนภาแอบกินกับสามีของพี่นาง ผู้ซึ่งที่อรนภาเรียกว่าพ่อ เมื่อพี่นางจับได้จึงตีตัวออกห่าง ซึ่งพี่นางใจเย็นมาก แอบเฝ้าดูพฤติกรรมของทั้งสองเป็นเวลาหลายเดือน
"เมื่อทุกอย่างแน่ชัดแล้ว พี่นางจึงตัดสินใจตัดทุกอย่างออกจากชีวิต อะไรที่เป็นการใช้ชื่อพี่นางทำธุระกรรม พี่นางทำการยกเลิกทั้งหมด และไม่เรียกร้องใดๆทั้งสิ้น มาวันนี้อรนภาออกมาโพสใส่ความแม่นางต่างๆนาๆ ยังไม่รวมถึงการรวมหัวกับพ่อเลี้ยงที่เอาทำผัวโกงเงินพี่นางกันอีก ไม่น่าเชื่อนะ พี่นางจะทำใจได้และใจเย็นมาก เชือดแบบนิ่มๆทิ้งเลย ทั้งๆที่พี่นางทุ่มเทและสอนทุกอย่างให้กับเด็กคนนี้แบบรักเหมือนลูกตัวเองด้วยซ้ำ"
ต่อมาเมื่อตรวจสอบในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า อรนภา ดวงดี ลูกสาวบุญธรรม ได้โพสต์ข้อความว่า "ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.61 วันแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดกิจการซึ่งเป็นเวลาผ่านมาเกือบปี วันนั้นแม่ได้พูดไว้ว่าแม่ให้หนูดูแลกิจการและขอให้เจริญรุ่งเรืองนะลูกนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หนูก็ปฏิบัติตามที่แม่สั่งไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หนูดูแลลูกค้า หาลูกค้า เพื่อให้มีรายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายเหลือแล้ว หนูได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีแม่ทั้งหมด"
"อยู่มาวันหนึ่งแม่มีคนเข้ามาในชีวิต ใหม่ของแม่ แล้วแม่ก็ทิ้งพวกหนูไป ให้เผชิญชีวิตคิดเองทำเองไปตามยถากรรม พ่อซึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 วิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หลาน 2 คน 8-9 ขวบที่แม่เคยรัก ก็เฝ้าถามหา หนูก็ไม่รู้จะตอบคำถามกับหลานยังไง ว่าแม่ไปไหน"
"ผู้หญิงคนนั้น??? ชื่อเล่น ล เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ เดินเข้ามาในคราบของเศรษฐีนักบุญเริ่มต้นจากการโอนเงินร่วมทำบุญ 100,000 บาท ในนามชื่อเธอและบริษัททับทิมศิลาจำกัด เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน และร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระ หลังจากนั้นเธอก็ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม รวมถึงเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้เปลี่ยนใหม่ให้ทั้งตู้ ทำให้การแต่งตัวเปลี่ยนไปจากเดิม โทรศัพท์คุยกันทั้งวันทั้งคืนจนดึกดื่น"
"หลังจากนั้นก็ชวนไปอยู่อาศัยบ้านเดียวกันกับเธอ เธอเอาใจสารพัดทุ่มเทซื้อเพชรให้ ให้เงินใช้จ่ายพาไปดูเงินสดในกระเป๋า 200 ล้านที่ผู้หญิงคนนี้เก็บไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งพาไปเที่ยวญี่ปุ่น หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาจากการทำบุญ และใช้วิธีเปย์เงิน เปร์ความเป็นอยู่ที่เลิศหรูให้แล้ว เธอก็จะกันคนใกล้ชิด ให้ออกไปจากชีวิต จะต้องมีแค่เธอผู้หญิงคนนี้เท่านั้น เธอเป่าหูให้ร้าย เสี่ยมเสียเรื่องชู้สาว ขณะที่เธอพาไปอยู่บ้านของเธอ ไม่ว่าจะไปไหนผู้หญิงคนนี้จะติดตามไปด้วยตลอด นั่งตรงไหน เธอก็จะต้องนั่งเบียดตัวชิดติดกันทุกเวลาทุกสถานที่ หากใครเห็นก็คงมองเหมือน คู่รัก"
ล่าสุดทางด้านศิริพร อำไพพงษ์ เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว เป็นปีแล้ว ที่เป็นข่าวเพราะเขามาโพสต์เอง นางไม่รู้ ตอนนี้อยู่บ้านที่อุดรฯ เห็นมานานแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่อยากยุ่ง พี่ออกจากบ้านมานานหลายเดือนแล้ว ส่วนกรณีที่เขาบอกว่าพี่ปิดคลินิกนั้น คลินิกเป็นของพี่ซึ่งพี่ใช้เงินส่วนตัวเปิดเอง 10 ล้านบาท ไม่ได้หุ้นกับใคร เป็นเงินของพี่ล้วนๆ
เพราะฉะนั้นถ้าพี่จะปิดก็เป็นสิทธิของพี่ และที่พี่ต้องปิดก็เพราะว่าไม่มีหมอที่มาดูคลินิกแล้ว พี่ตั้งใจขายคลินิกและบ้านเพื่อไปอยู่ที่ต่างประเทศ ช่วงแรกก็คงจะไปเที่ยวรอบโลกก่อน จากนั้นก็ไปอยู่ต่างประเทศราวๆ 5-6 เดือนแล้วก็จะบินมาเมืองไทย เราไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว ไม่รู้จะใช้เงินไปทำอะไร
เมื่อถามว่า ตกลงว่าคนที่มีข่าวใช่ลูกบุญธรรมหรือไม่นั้น ศิริพร กล่าวว่า เราไม่เคยรับใครเป็นลูกบุญธรรม คนในวงก็จะเรียกเราว่า แม่นาง ซึ่งคู่กรณีเป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินคิดฮอตที่เราตั้งขึ้น ซึ่งคนอื่นๆ ในกลุ่มนี้ก็เรียกเราว่าแม่กันทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า “พี่นาง” มากกว่า ยืนยันว่าไม่เคยรับใครมาเป็นลูกบุญธรรมเลย ส่วนกับคนนี้ที่เป็นข่าว ได้ส่งเสียให้เรียนด้านหมอความงามจนจบในไทย แล้วก็ให้มาดูแลคลินิกที่เปิด
“เรื่องที่เป็นข่าว มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากที่ไม่เคยออกจากปากพี่ แต่ถึงพี่ไม่พูด แต่ก็คิดว่าคงรู้กันแล้ว อย่าให้พี่พูดเรื่องนี้เลยนะ มันเป็นเรื่องน่าอาย แล้วตอนรักกันก็ไม่เห็นพูดแบบนี้ เพราะฉะนั้นพี่ไม่อยากพูดอะไร ที่ผ่านมาพี่ก็ไม่เคยออกมาพูดเลย เรื่องนี้พี่จะไม่โทษใคร คิดเสียว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา เรื่องของเวรกรรมต่อกัน พี่อาจจะบ้าบุญก็ได้ แต่บุญก็ช่วยพี่ได้มาก”
เรามีบ้านหลายหลัง ประมาณ 5 หลังทั้งที่กรุงเทพฯ และอุดรฯ และมีรถหลายคัน โดยบ้านที่กรุงเทพฯ และรถส่วนหนึ่ง ขายไปแล้ว แต่ในส่วนของผู้ชายก็ยกบ้านกับรถให้ผู้ชายด้วย คือ ยกบ้าน 1 หลังและรถให้เป็นชื่อผู้ชาย ถือว่าเราใจเย็นมาก ไม่ออกมาโต้ตอบ ยึดคติว่าถ้าพูดความจริง ต่อให้พูด 100 ครั้ง ความจริงก็จะเป็นความจริง แต่ถ้าพูดโกหก พูด 100 ครั้ง ทั้ง 100 ครั้งก็จะไม่ตรงสัก
(ภาพจากรายการตีท้ายครัว ช่อง 3 )
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ศิริพร อำไพพงษ์