- 25 มิ.ย. 2562
พ.ต.ท.พิเชษฐ หรือ สารวัตรแย้ ได้เปิดใจพร้อมกับเสียงสะอื้นว่า ตอนนี้ได้เดินทางกลับนครสวรรค์ บ้านเกิดแล้ว
จากกรณีตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) ภาค 6 ได้บุกเข้าจับแม่ของ พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน หรือสารวัตรแย้ สว.กก.2 บก.ทท. บช.ทท. ที่บ้านพัก หลังเซ็นรับและเปิดกล่องพัสดุพบว่า มียาไอซ์ 50 กรัมและยาอี สีขาว กว่า 50 เม็ด ซึ่งต้นทางส่งมาจาก ปณ.บุรีรัมย์ ใช้ชื่อ "พนมทวน แซ่หวาง" ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวแม่ของนายตำรวจคนดังกล่าวไปสอบสวนขยายผล
ต่อมา พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว โดยบอกว่าถูกกลั่นแกล้งของขบวนการผู้ค้ายาเสพติดที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนส่งพัสดุ คือนายพนมทวน แซ่หวาง อายุ 31 ปี ส่งพัสดุแบบ EMS ที่ไปรษณีย์ สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เวลาประมาณ 14.20 น. ที่ผ่านมานั้น
ขณะที่ทางด้านพ.ต.อ สัมภาษณ์ ศรีจันทึก ผกก.สภ.สตึก ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า จากตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไปรษณีย์สตึก พบว่าคนส่งพัสดุ คือนายพนมทวน แซ่หวาง อายุ 31 ปี ตามบัตรประชาชนอยู่บ้านเลขที่ 769 หมู่ 1 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้มาส่งพัสดุแบบ EMS ที่ไปรษณีย์ สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เวลาประมาณ 14.20 น.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสถานีตำรวจภูธรสตึก จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจชุดสืบภาค 3 ได้บุกเข้าทำการจับกุมชายหนุ่มที่ส่งกล่องพัสดุบรรจุยาไอซ์ ยาอี ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดขณะส่งไปรษณีย์ได้แล้ว คือ นายอนุศักดิ์ มิ่งเมือง อายุ 25 ปี เป็นชาว จ.พะเยา ขณะหลบซ่อนอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.สตึก
อ่านข่าว : รวบตัวแล้ว หนุ่มพะเยาส่งพัสดุถึง"สารวัตรแย้" สารภาพใช้บัตรปชช."พนมทวน" รับจ้างเอเย่นต์ใหญ่ทำงาน
ล่าสุดพ.ต.ท.พิเชษฐ หรือ สารวัตรแย้ ได้เปิดใจพร้อมกับเสียงสะอื้นว่า ตอนนี้ได้เดินทางกลับนครสวรรค์ บ้านเกิดแล้วเพื่อเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จากนี้ก็จะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และก็ได้มีการปรึกษาทนายเพื่อเตรียมดำเนินเรื่องตามกฎหมาย ยืนได้อีกว่าตนนั้นไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปส. เรื่องนี้นั้นมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านี้ ส่วนตัวเองนั้นรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อะไรเป็นอะไร ซึ่งเป็นการถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มค้ายาเสพติดแน่นอน นอกจากวันนี้ผมจะไปให้การต่อพนักงานสอบสวนที่ นครสวรรค์แล้ว ผมกับคุณแม่ยังจะไปแจ้งความร้องทุกข์อีกด้วย แต่ตอนนี้ต้องขอปรึกษาทนายความก่อน
ส่วนจะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับใครนั้น สารวัตรแย้ กล่าวว่า ก็ร้องทุกข์ที่ผมโดนกลั่นแกล้ง คือข่าวที่ลงไปเหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่เขากลั่นแกล้ง แต่จริงๆ แล้ว เคสนี้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแต่ว่า เหมือนว่าป.ป.ส.เขารับข้อมูลมาผิดพลาด ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน แต่เขาอาจมีมูลส่วนหนึ่งที่เชื่อได้ว่า แต่ก็โทษที่เขาไม่ได้ แต่ผมก็รู้ว่าใครที่มันทำอะไรอยู่ ผมรู้ ผมเป็นต้นเรื่อง ผมรู้มูลเหตุ มีสาเหตุโกรธเคืองกับใคร มีอะไรอย่างไง ผมรู้นะ แต่ผมไม่อยากพูด หากพูดไปกลัวจะเสียรูปคดี
เมื่อถามว่า สารวัตรรู้จักกับคนที่ส่งยาเสพติดมาให้หรือไม่ พ.ต.ท.พิเชษฐ กล่าวว่า ผมไม่รู้จักคนที่ส่งของเลยครับ แต่ผมรู้ว่าใครทำอะไร ผมถามว่าดูกล่องไปรษณีย์ก็แล้วกัน มีความเป็นไปได้ไหม กล่องที่ไม่มีตราประทับของไปรษณีย์ ผมอยากตั้งคำถามว่ารูปที่นำมาเแพร่ทางสื่อนี้ ด้านซ้ายมี 1 กล่อง ด้านขวามีอีก 1 กล่อง ทั้งหมด 3 กล่อง แล้วผมถามว่า ภาพถ่าย 3 กล่องไปรษณีย์ใครเป็นคนคนถ่าย โดยเฉพาะกล่องที่ไม่มีตราประทับปณ. และกล่องก็ไม่ยับ
"อยากถามว่าใครเป็นคนถ่ายกล่อง ปณ.ที่ยังไม่ประทับตรานี้ นอกจากเจ้าของยาเสพติด หรือคนส่ง คนถ่าย แล้วถ่ายรูปกล่อง ปณ.ที่ไม่มีตราประทับแล้วส่งไปให้ใคร เขาต้องถ่ายให้คนสั่งการแล้วรูปนี้มันโผล่ออกไปทางสื่อได้อย่างไร ถ้าผมเป็นคนสั่งยาเสพติด รูปถ่ายนี้มันต้องอยู่ที่ผม แต่ที่ผมไม่มี แสดงว่ามันต้องมีคนสั่งครับ แล้วมันก็เอารูปนี้ไปแจ้ง ป.ป.ส. ว่าจะมีของส่งมาที่ผม แล้วผมอยากถามว่า จนท.ป.ป.ส.จับ 6 จุด และมีข้อมูลจากจุดแรก มีแค่รูปเรื่องผมที่เดียวใช่ไหม ถ้าได้มีรูปเรื่องผมที่เดียวแล้วอีก 5 จุด ก็มีคนไปแจ้งที่ ไปรษณีย์ว่ามีการส่งของให้คนนี้ แต่เจตนาคือตั้งใจจะกลั่นแกล้งผมแน่นอน แต่ไม่ใช่เกี่ยวกับ ป.ป.ส.นะ แต่ผมหมายถึงเครือข่ายยาเสพติดชุดนี้ มันมีมูลเหตุ เพราะผมเคยโดยร้องเรียนและถูกสั่งขัง 7 วัน และเรื่องนี้มันเพิ่งผ่านมาได้ 2 เดือนเพิ่งจบ เพราะฉะนั้นการสั่งขังผม 7 วัน เขาต้องแจ้งให้ผู้ร้องทราบหรือแจ้งให้ขบวนการนี้ทราบ และขบวนการนี้ก็เล่นงานผมต่อเพราะผมรอดไง"
อย่างไรก็ตามทางด้าน พล.ต.ท.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบ ประวัติของ ชายที่นำยาเสพติดไปส่งทางไปรษณีย์นั้น ไม่พบประวัติหรือเป็นเครือข่ายในสารบบบของแก๊งค้ายาเสพติดของ ตร.ภาค 5 แต่อย่างใด และเบื้องต้นได้ตรวจสอบไปที่ สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ว่าตามที่ปรากฏคนที่มาส่งยาทางไปรษณีย์นั้น มีประวัติเคยต้องต้องโทษเคยถูกจับกุม ตามประวัติของ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีบ้างไหม ญาติมิตรพ่อแม่พี่น้องของเขาที่ ต.เปียงหลวง เคยถูกจับด้านยาเสพติดบ้างไหม
เท่าที่ตำรวจเราได้ ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวที่แจ้ง บัตรประชาชนในการส่งของทาง ปณ.ที่เป็นข่าวว่า มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ โดยในเบื้องต้นจากการตรวจสอบ กับทางผู้นำชุมชนแล้ว ทราบว่าบุคคลรายชื่อดังกล่าวได้ย้ายออกนอกพื้นที่ไป 4-5 ปีแล้ว แต่เพื่อความแน่ชัดจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ไปตรวจสอบซ้ำให้ละเอียดอีกครั้ง เพราะพื้นที่โซนบ้านเปียงหลวง ภูลำเนาของชายดังกล่าวอยู่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และเจ้าตัวก็เป็นคนชาติติพันธุ์ ไม่เป็นชาวจีนฮ่อหรือก็ชาวไทใหญ่