ก.ตร.มีมติถอดบิ๊กโจ๊กพ้นอนุก.ตร.ด้านกฎหมาย

โดยที่ประชุมมีการหารืองคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านกฎหมาย หรือ อนุ ก.ตร. จนเป็นกระแสในสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.(เร่งด่วน) โดยมี มรพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.)

โดยที่ประชุมมีการหารืองคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านกฎหมาย หรือ อนุ ก.ตร. จนเป็นกระแสในสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และท่ามกลางกระแสข่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีตำแหน่งถึงผู้ช่วย ผบ.ตร. หลังถูกคำสั่ง ม.44 ให้ไปเป็นข้าราชการพลเรือนเป็นที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ยิ่งสร้างความสับสนในสังคมมากยิ่งขึ้น เพราะในขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถูกคำสั่งเด้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยังไม่มีคำตอบให้สังคมได้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง
 

 

ก.ตร.มีมติถอดบิ๊กโจ๊กพ้นอนุก.ตร.ด้านกฎหมาย

 

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่าหลังจากที่สื่อโซเชียลเสนอการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ จึงได้เชิญ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.  ในฐานะประธานอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ด้านกฎหมาย  และ พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริรพันธ์ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะเลขา ก.ตร.ให้มาชี้แจงประเด็นที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ 2 ประเด็น โดย พล.ต.อ.วิระชัย จะชี้แจงเรื่องการคัดตัวอนุ ก.ตร. ส่วน พล.ต.ท.นิทัศน์ จะชี้แจงกรณีหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุ ก.ตร.

 

ต่อมาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร. ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร.(เร่งด่วน) โดยมีคณะกรรมการ ก.ตร.เข้าประชุมอย่างพร้อมเพียง ซึ่งหนึ่งในวาระการประชุมคือการถอดถอนรายชื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากอนุ ก.ตร.ด้านกฎหมาย โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

 

ก.ตร.มีมติถอดบิ๊กโจ๊กพ้นอนุก.ตร.ด้านกฎหมาย

 

ภายหลัง พล.ต.อ.วิระชัย ในฐานะประธานอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ที่ประชุม ก.ตร.มีการรายงานให้ทราบถึงการแต่งตั้งอนุ ก.ตร.ด้านกฎหมาย ที่มี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นอนุ ก.ตร. ตนในฐานะที่เป็นประธานฯ ได้รับทราบข้อมูลจากที่ประชุม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้โอนย้ายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปดำรงตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุอันเกิดความไม่สะดวกในการเข้าร่วมประชุมอนุ ก.ตร.กฎหมาย เพื่อประสิทธิภาพของอนุ ก.ตร. กฎหมาย

 

จึงเสนอให้ พ.ต.อ.ดร.มานะ เผาะช่วย รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 (รอง ผบก.น.8) นรต.รุ่น 36 จบนิติศาสตร์ มหาบัณพิตมหาลัยธรรมศาสตร์ นิติศาสตร์มหาบัณฑิตจากมหาลัยจุฬาลงกรณ์ นิติศาสตร์ดุษฏีบัณฑิตจากมหาลัยธรรมศาสตร์ และเมื่อสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ดร.มานะ เจ้าตัวไม่ขัดข้องจึงให้มาทำหน้าที่แทน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ทุกอย่างเป็นไปเพื่อความเหมาะสมเมื่อย้ายไปอยู่สำนักนายกฯแล้วไม่สะดวกที่จะมาประชุมอนุ ก.ตร.ด้านกฎหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

ก.ตร.มีมติถอดบิ๊กโจ๊กพ้นอนุก.ตร.ด้านกฎหมาย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการถอดถอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ครั้งนี้เป็นการลดการเสียดทานจากสังคมหรือไม่ พล.ต.อ.วิระชัย ตอบว่า ไม่เพราะเป็นการเสนอเพื่อความเหมาะสม 

 

ถามต่อว่าเป็นการปิดประตูไม่ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับมารับราชการตำรวจอีกใช่หรือไม่ รอง ผบ.ตร.ตอบว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันตน เป็นการพิจารณาเฉพาะองค์ประกอบของอนุ ก.ตร.ด้านกหมายเท่านั้น เพราะการแต่งตั้งอนุ ก.ตร.สามรถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาไม่มีวาระ  เมื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถึงแม้จะมีความรู้ความสามารถแต่ถ้าไม่มีเวลาต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพราะเราต้องการคนที่สะดวกประชุมได้เพื่อการประชุมของอนุ ก.ตร.ด้านกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ก.ตร.มีมติถอดบิ๊กโจ๊กพ้นอนุก.ตร.ด้านกฎหมาย