วันนี้ ( 2 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายวรพงษ์  ปิ่นสุวรรณ และ นายธงชัย  คำพันธ์ จำเลยในคดีอุ้มป้าตัวเองเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท

วันนี้ ( 2 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายวรพงษ์  ปิ่นสุวรรณ และ นายธงชัย  คำพันธ์ จำเลยในคดีอุ้มป้าตัวเองเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา  เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวรพงษ์  หรือ "โอ๋"  ปิ่นสุวรรณ อายุ 50 ปี และนายธงชัย  หรือ "กล้วย"  คำพันธ์ อายุ 31 ปีเป็นจำเลยที่1-2 ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, เอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไปโดยใช้อุบายหลอกลวง  ร่วมกันชิงทรัพย์ ฯ

อ่านข่าวที่เกี่ยว

เนรคุณชัดๆ!! 2หลานจอมแสบผีพนันเข้าสิง ออกอุบายจับป้าล็อกกุญแจเรียกค่าไถ่ 3 ล้าน (คลิป)

 

อุ้มป้าเรียกค่าไถ่

 

จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ม.ค.62 จำเลยร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง นางนฤมล หริรึกษฐากูร อายุ 79 ปี ผู้เสียหายซึ่งเป็นป้าของ นายวรพงษ์ ว่าจะพาไปทำธุรกรรมการเงิน จนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมขึ้นรถยนต์ ฮอนด้า ทะเบียน วภ4381 กรุงเทพมหานคร ก่อนที่จำเลยจะหน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายด้วยการสวมกุญแจมือ  จากนั้นนายธงชัย ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายติดต่อเรียกค่าไถ่จาก นางสาวอลิน ซึ่งเป็นลูกสาวผู้เสียหาย ส่วน นายวรพงษ์ ได้ใช้โทรศัพท์ของตนเองโทรหา นายอาณัติ ลูกชายคนโตของป้า ข่มขู่เรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับเสรีภาพของผู้เสียหาย  ต่อมาลูกทั้งสองของผู้เสียหายได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สามเสน เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ จากนั้นตำรวจจึงได้ประสานไปยังแม่ของนายวรพงษ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เสียหายให้ติดต่อกับลูกชาย   และเมื่อนายวรพงษ์ทราบว่าลูกๆ ของป้า แจ้งความแล้วและแม่ของตนเองก็ทราบเรื่องแล้ว จึงเกิดความกลัวก่อนใช้อาวุธมีดขู่บังคับผู้เสียหายให้บเงินจำนวน 32,000 บาท เหตุเกิดที่  แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน ได้ทำการติดตามจับกุมตัวจำเลยทั้งสองได้ พร้อมให้การรับสารภาพ โดยศาลจะเริ่มอ่านคำพิพากษา ในเวลา 09.30 น. ที่หัองพิจารณา 711 

 

เรียกค่าไถ่ป้า

 

อุ้มป้าเรียกค่าไถ่

 

เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองแล้ว โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่าถูกจำเลยหลอกไปทำธุระที่ศูนย์ราชการ จากนั้นพวกจำเลยได้โทรหาบุตรของพยานเพื่อเรียกเอาเงินค่าไถ่ 3 ล้านบาท แลกตัวพยาน หากไม่ให้จะฆ่าพยานทิ้ง และใช้มีดจี้เอาเงินพยานไป 32,000 บาท ก่อนปล่อยทิ้งลงข้างทางภายหลัง ศาลเห็นว่าผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยาน เบิกความสอดคล้อง ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน มีเวลาเพียงพอที่จะจดจำใบหน้าของจำเลยทั้งสองได้ เชื่อว่าเบิกความไปตามจริง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงเป็นการใช้อุบายนำตัวไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง แสดงเจตนาเอาตัวไปเพื่อค่าไถ่ และการเอาเงิน 32,000 บาท เป็นการร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้รถพาทรัพย์หลบหนี

จึงพิพากษาจำเลยทั้งสองกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยให้จำคุกในความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ คนละ 15 ปี ฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้รถพาทรัพย์หลบหนี คนละ 15 ปี ฐานพาอาวุธไปในเมืองให้ปรับคนละ 1,000 บาท รวมจำคุกคนละ 30 ปี ปรับ 1,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง รวมจำคุกคนละ 15 ปี ปรับ 500 บาท พร้อมริบของกลาง ทั้งนี้ ในส่วนค่าเสียหาย 32,000 บาท ทนายความจำเลยได้แจ้งต่อศาลว่าจำเลยได้ชดใช้คืนแล้ว

 

คุก 15 ปี  หลานแสบ อุ้มป้าเรียกค่าไถ่ 3 ล้าน(คลิป)