- 02 ก.ค. 2562
คนไข้บางคนทนรอไม่ไหว จึงโวยวายขึ้นและขอแซงคิว เจ้าหน้าที่พยายามให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างยุติธรรม แต่ก็มีการข่มขู่
เรื่องราวเหตุการณ์ที่เเย่ที่สุดครั้งหนึ่ง ที่เเพทย์หญิงรายหนึ่ง พบเจอขณะอยู่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเเม่สอด จังหวัดตาก การรักษาในวันหนึ่งๆ มีคนไข้มาปริมาณมาก ห้องฉุกเฉินก็มีขนาดเล็ก บุคลากรทางการเเพทย์มีไม่เพียงพอ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เเถมยังเจอกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของคนไข้ มีกิริยาก้าวร้าว โวยวาย เนื่องจากการรักษาที่ไม่ทันใจ
โดยทางเฟซบุ๊ค Apichaya Sukprasert ซึ่งเป็นแพทย์หญิง อภิชา สุขประเสริฐ แพทย์สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลเเม่สอด จังหวัดตาก ได้โพสต์เผยเรื่องราวดังกล่าว...
เมื่อวานเกิดเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่งของห้องฉุกเฉินของเรา ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับเสียกำลังใจอย่างมาก
ช่วงนี้ไข้ชิคุนกุนย่าและไข้เลือดออกกำลังระบาดคู่กัน ในวันหนึ่งๆจึงมีคนไข้มาปริมาณมาก ช่วงก่อนเที่ยงคืน มีคนไข้มาที่ห้องฉุกเฉินเล็กๆของเราเกือบร้อยคน บุคลากรยังเท่าเดิม แต่ทำงานกันอย่างหนัก อ่อนเพลียเกินกำลัง
คนไข้บางคนทนรอไม่ไหว จึงโวยวายขึ้นและขอแซงคิว เจ้าหน้าที่พยายามให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างยุติธรรม แต่ก็มีการข่มขู่ สุดท้ายจำต้องให้แซงคิวเพื่อระงับความวุ่นวาย ซึ่งทุกคนรู้สึกเสียใจ
ความจริงห้องฉุกเฉินตรวจตามระดับความเร่งด่วน คนที่ได้สีเขียว(ไม่ด่วน)ต้องรอคนไข้ที่หนักกว่าหมดก่อน ซึ่งไม่เคยหมด เราจึงต้องแบ่งกันออกมารีบตรวจ เพื่อให้คนไข้สีเขียวได้ตรวจบ้าง ส่วนในสีเดียวกันเรียงตามคิวก่อนหลัง
ช่วงเที่ยงคืนเราเปลี่ยนเวรกัน แต่เกิดเหตุฆ่าปาดคอหมู่ แพทย์เวรเมื่อคืนจึงลงมาช่วยกันตรวจให้เคสทุกเคสผ่านไปได้ แต่อัตรากำลังพยาบาลไม่สามารถเพิ่มได้ แถมต้องแบ่งคนไปออกเหตุ เหตุการณ์จึงยิ่งตึงเครียด
หลังเหตุการณ์ค่อยๆคลี่คลาย ขณะนั้นเองก็มีญาติคนไข้คนหนึ่งไม่พอใจ คนไข้มีโรคประจำตัวเดิม ครั้งนี้มีอาการหลายวัน จึงมาตรวจดึกนี้ พอรอนาน ก็ไม่พอใจ พอดีอาการเกิดเปลี่ยนแปลงขึ้น จึงบันดาลโทสะ ทุบประตูกระจกของ รพ. แตก และเข้ามาด่ากราดเจ้าหน้าที่ภายใน
ที่จริงข้างๆประตูนั้นมีหน้าต่างอยู่ มีป้ายแปะ สามารถเลื่อนเข้าออกขอความช่วยเหลือได้
แต่เพราะขณะนั้นอาการคนไข้อื่นๆตึงเครียด เจ้สหน้าที่ในเวรอ่อนล้าเต็มทน ได้แต่พยายามทำงานของตนไป และประคับประคองคนไข้กับเพื่อนร่วมงานให้ผ่านพ้นคืนนั้นไปได้
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเสียกำลังใจ อ่อนล้าอ่อนแรงเต็มที จนเช้าวันนี้ยังไม่มีคำขอโทษใดๆ คำด่าและการประทุษร้ายยังวนเวียนอยู่รอบตัวเรา
ส่วนตัวเราเองรู้สึกปัจจุบันผู้คนเปลี่ยนไป บางสิ่งไม่ถูกใจ แต่อาจถูกหลักการ สิ่งที่เราควรทำคือสอบถาม หากเห็นว่าไม่ถูกควรร้องเรียนเป็นระบบเพื่อช่วยกันสร้างสังคมที่ดีกว่า
โรงพยาบาลเป็นของประชาชนทุกคน การรักษาเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน แต่เมื่อมีสิทธิ์ย่อมต้องมีหน้าที่ตามมา เราใช้บริการ ย่อมต้องช่วยกันรักษา ช่วยกันดูแลระบบนี้ให้แข็งแรงและอยู่รอดไปด้วยกัน
ป.ล.ตอนนี้กระจกเป็นรูโบ๋ เลยเอาแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดมาติดไปก่อน และช่วงชุลมุนอุปกรณ์การแพทย์หายไป ตอนนี้ยังไม่รู้ทำยังไงเลย ท้อแท้
ขอบคุณ
Apichaya Sukprasert