ศิษย์เก่ารร.วัดสุทธิฯแต่งดำขับไล่ผอ.

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้ร่วมกันแชร์สภาพของอุปกรณ์การเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่มีสภาพและคุณภาพไม่สมราคา เนื่องจากใช้การไม่กี่ครั้งก็พังเสียหาย ทางเพจเฟซบุ๊กชื่อดังเพจหนึ่งจึงตั้งขอสงสัยเอาไว้ว่า งานนี้จะมีการฉ้อโกงกันหรือไม่
 

โดยเพจเฟซบุ๊กชื่อ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมเอาไว้ว่า "คูปองกินรวบ จากเรื่องกระเป๋าเป้เน่า ๆ ราคา 350 บาท เดือนเดียวเปื่อยขาดกระจุย ยังมีอีกหลายเรื่องความไม่ชอบมาพากลของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 

 

 

กระทรวงศึกษาธิการให้จัดงบประมาณช่วยเหลือค่าอุปกรณ์การเรียนให้เด็กนักเรียน (เรียนฟรี 15 ปี) โดยออกข้อกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีดำเนินการให้โรงรียนจ่ายเป็นเงินสดให้กับผู้ปกครอง เอาไปจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนให้สอดคล้องกับความต้องการและตามความจำเป็น แล้วนำใบเสร็จมาแสดงกับโรงเรียนเป็นหลักฐาน 
 

วิธีดำเนินการไม่ได้เป็นเช่นนั้นสำหรับโรงเรียนแห่งนี้ แต่กลายเป็นว่าออกเป็นคูปองมอบให้นักเรียนในวันมอบตัว มูลค่าคูปอง ม.ต้น 210 บาท ม.ปลาย 230 บาท แล้วให้ไปซื้อของกับร้านค้าโรงเรียนในวันนั้นเลย ใครไม่ซื้อก็อดหมดสิทธิ์ ของที่ว่าก็มัดมือชกจัดเป็นชุดไว้เสร็จสรรพ เป็นอุปกรณ์การเรียนคุณภาพกลาง ๆ เอาคูปองมาแลกไป โนสนโนแคร์ว่าเด็กแต่ละคนขาดเหลืออะไร ต้องการอะไร และกระทรวงสั่งการมาว่าอย่างไร 

 

 

อ่านข่าว : แฉผู้บริหารรร.มัธยมดังทำคูปองบังคับซื้อของ กระเป๋าเรียนใช้ได้ไม่นาน 

ล่าสุด บรรยากาศที่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามเป็นไปอย่างดุเดือดและคึกคัก เนื่องจากมีบรรดาศิษย์เก่าปี 2559 ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับความสงสัยว่าผู้อำนวยการของโรงเรียนชุดปัจจุบันมีการทำงานกันอย่างไม่โปร่งใส เพราะคูปองที่ได้ให้รุ่นน้องศิษย์ปัจจุบันนั้นมันช่างไม่คุ้มค่ากับของที่น้องๆ ได้รับ โดยในวันพรุ่งนี้(4 ก.ค. 62) ทางศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งนี้จะมีการส่งมอบจดหมายเปิดผนึกให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน

 

 

ทั้งนี้มีศิษย์ปัจจุบันได้กล่าวด้วยความอัดอั้นว่า อุปกรณ์มูลค่า 250 บาทให้บรรดานักเรียนซื้อทำไม เพราะอุปกรณ์ที่ว่านั้นไม่มีอะไรเลย ซึ่งทางบรรดาลูกศิษย์ของโรงเรียนแห่งนี้ต้องการคำตอบที่โปรงใสในตรงนี้เท่านั้น

 

 

อย่างไรก็ตามยังมีนักเรียนคนหนึ่งเดินมาตรงหน้าสื่อมวลชล พร้อมกับชูป้ายที่มีข้อความว่า "ปิดปากนักเรียน" ซึ่งบนใบหน้าของเขานั้นมีเทปดำปิดปากอยู่ 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Studio Of Suthi (SOS Club)