ทนายตั้มเปิดใจแจงไม่ได้ช่วยอ๊อฟ

ทนายตั้มเปิดใจแจงไม่ได้ช่วยอ๊อฟ

จากกรณี น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือ น้องหญิง อายุ 19 ปี เสียชีวิตจากการตกรถเทรลเลอร์อย่างมีเงื่อนงำ หลังกลับจากเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาได้มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นเหตุฆาตกรรม โดยมีนายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ อายุ 23 ปี เกี่ยวข้อง แต่นายสุรพล อ้างว่าระหว่างทางน.ส.นรีกานต์กระโดดลงจากรถจนเสียชีวิต แต่ทางญาติไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม

 

ทนายตั้มเปิดใจแจงไม่ได้ช่วยอ๊อฟ

 

โดย ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ยกฟ้องนายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผลชันสูตรศพของฝ่ายโจทก์และจำเลยมีความขัดแย้งกัน และฝ่ายโจทก์ ไม่สามารถนำสืบให้คลายความสงสัยได้ว่าของแข็งที่ใช้ตีศีรษะของผู้ตายคืออะไร และยกฟ้อง น.ส.สิรินาถ หรือ เป็ด รอบรัมย์ เพื่อนสนิทของ น.ส.นรีกานต์ด้วย 

 

ทนายตั้มเปิดใจแจงไม่ได้ช่วยอ๊อฟ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องศาลอยุธยายกฟ้อง นายสุรพล ดาราคำ พ้นข้อหาเกี่ยวกับ น้องหญิง

 

ล่าสุด บนเฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" ของทนายตั้ม โพสต์ข้อความว่า ก่อนที่ผมจะมาทำคดีน้องหญิง ผมรับรู้ว่าสังคมเชื่อไปหมดแล้วว่าอ๊อฟเป็นคนฆ่าน้องหญิง ดังนั้นถ้าผมทำมีแต่ผลลบ กับแค่เสมอตัว เมื่อผมได้ดูหลักฐานต่าง ๆ มันไม่ใช่แบบที่คนภายนอกได้เห็น ผมก็เลยคิดว่าแค่อยากทำให้ความจริงเรื่องนี้ปรากฏ ส่วนศาลท่านจะพิพากษาอย่างไร ก็เป็นดุลพินิจของศาล

 

ทนายตั้มเปิดใจแจงไม่ได้ช่วยอ๊อฟ

 

หลังจากที่ผมไปออกรายการให้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่คนส่วนมากไม่ฟังเนื้อหา แล้วยังมีคนเชื่อผิด ๆ ตามลมปากของคนที่ใช้กระแสโซเชียลปั่นคดี เช่นเชื่อว่าตกรถทำไมไม่มีรอยแผลในร่างกาย ทั้ง ๆ ที่ตามรายงานแพทย์มีรอยถลอกมากกว่า 20 จุด และตามแนวทางนำสืบแพทย์ แผลเกิดจากการตกลงมาแล้วไถลกับพื้น

 

ส่วนคำถามที่ว่าถ้าอ๊อฟไม่ทำแล้วน้องหญิงจะตายได้ยังไง เรื่องนี้มีแค่ 2 คนที่รู้ แต่หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ คือการผ่าร่างกายโดยหมอนิติเวชแปลผล การบาดเจ็บที่ศีรษะ กะโหลก และสมองไม่ได้เกิดจากการถูกตี แต่เกิดจากการที่ศีรษะตกลงมากระทบกับวัตถุแข็งหน้ากว้าง เช่นถนน ส่วนน้องหญิงจะตกลงมาได้ยังไง? กระโดดลงมาเอง หรือพลัดตก ทุกคนไม่ว่าจะโจทก์หรือทนายจำเลย พยายามกระจายข้อเท็จจริงให้ศาลพิจารณา โดยตำรวจที่ตรวจรถก็ได้เบิกความว่า ประตูรถเสียเมื่อปิดไปแล้วมันไม่ล็อก สามารถเด้งออกมาได้ ทุกคนรู้แค่นี้ไม่ว่าจะเป็นผม อัยการ ตำรวจ หรือผู้พิพากษา

 

ส่วนเรื่องคลิปเสียง ผมฟังยังรู้สึกสะเทือนใจ มีคลิปนึงที่น้องหญิง โทรคุยกับเพื่อน ตำรวจปอท. ตำรวจอยุธยา หลายคนฟังแล้วได้ยินต่างกัน เพราะน้องหญิงเสียงสั่น และเหมือนเจ็บปวดจึงพูดไม่ชัด บางคนก็ฟังว่า “หนูโดนตบ” บางคนก็ฟังว่า “หนูตกรถ หนูปวด” ผมอยากจะให้ทุกคนย้อนกลับไปฟังกันอีกรอบ ถ้าคลิปสนทนานี้เกิดหลังจากที่น้องหญิงได้รับบาดเจ็บแล้ว ประโยคที่คุยกับเพื่อนคือหนูโดนตบ หรือหนูตกรถ ในชั้นพิจารณาอัยการโจทก์ก็พยายามสืบถึงประเด็นนี้ เพื่อให้เห็นว่าเป็นการโดนทำร้ายแล้วน้องหญิงพยายามโทรศัพท์ไปหาเพื่อน โดยอ๊อฟ ก็ปล่อยให้โทร

 

หลังเกิดเหตุ gps ที่ติดอยู่กับรถบอกว่ารถคันนี้ขับเร็วกว่าที่ระบบกำหนด มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล พยาบาล และเจ้าหน้าที่เบิกความตรงกันทุกปากว่าอ๊อฟ อยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมีการย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง

 

นอกจากเรื่องฆาตกรรมที่ไม่มีประจักษ์พยาน ซึ่งศาลจำเป็นต้องพิจารณาแค่บาดแผลว่าเกิดจากการโดนทำร้าย หรืออุบัติเหตุแล้วยังมีข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข้อหานี้ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเหตุสงสัยเหมือนดังเช่นข้อหาเจตนาฆ่า แต่ยกฟ้องเลยว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด เหตุเพราะการจะดำเนินคดีจำเลยให้ได้รับโทษ จะต้องมีหลักฐานว่าจำเลยได้กักขัง หรือหน่วงเหนี่ยวใครให้ปราศจากเสรีภาพ แต่คดีนี้มีพยานซึ่งเป็นเด็กปั้ม ซึ่งสืบพยานกันก่อนผมจะเข้ามาเป็นทนายด้วยซ้ำ ให้การว่าเห็นน้องหญิงอยู่ในรถสภาพปกติ ไม่ได้มีอาการหวาดกลัว นายอ๊อฟลงไปจากรถ น้องหญิงอยู่คนเดียว หากจะหลบหนี ก็สามารถทำได้เพราะไม่ได้มีใครควบคุม

 

ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ศาลจึงได้พิพากษา แม้ผมจะเป็นทนายในคดี ต่อให้เก่งยังไง ก็ไม่สามารถสร้างพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้วได้ ทนายความมีหน้าที่แค่กระจายข้อเท็จจริงให้ศาลวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนคนที่ติดตามข่าวนี้จะเชื่อสิ่งที่ตัวเองปักใจ หรือจะลองฟังเหตุผลที่เป็นเนื้อสำนวนจริง ๆ ในโซเชียลกับเรื่องจริง บางครั้งก็ตรงกันข้ามกันเลยนะครับ

 

หลายคนผิดหวังที่ผมทำคดีนี้ ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้ทำคดีเพื่อให้ถูกใจคนหมู่มาก หรือต้องทำคดีที่ให้มีเอฟซีเยอะ ๆ ผมทำคดีตามข้อเท็จจริง ตามพยานหลักฐาน แม้จะทำแล้วโดนด่าเพราะสวนกระแสสังคมก็ตาม

 

ขอบคุณ : ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ