- 13 ก.ค. 2562
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุชายอยู่ภายในห้องพักในซอยเจริญกรุง 80 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม. จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งภายในห้องพักในซอยเจริญกรุง 80 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม. จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ก่อนเข้าควบคุมตัวชายคนดังกล่าวที่พูดจาเสียงดังเอะอะโวยวายลั่นไปทั่ว ซึ่งตามร่างกายพบยาเสพติดประเภท 1 (ไอซ์) บรรจุซองใสน้ำหนักประมาณ 1.55 กรัม อยู่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับพบยาประงับประสาทและคลายความเครียด รพ.สวนปรุง จ.เชียงใหม่ อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังอ้างตัวเป็นตำรวจ แต่ไม่ได้นำเอกสารหรือหลักฐานใดๆ ออกมาโชว์ จนถูกคุมตัวไปสอบสวนต่อที่ สน.วัดพระยาไกร
ทั้งนี้หลังสอบปากคำนาน 2 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุยังคงให้การวกไปวนมาจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าเป็นตำรวจจริงตามที่กล่าวอ้าง พบประวัติการรักษาอาการเครียดและโรคซึมเศร้าตั้งแต่ปี 55 และทำหนังสือลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 10-15 ก.ค.นี้ เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาทำธุระเรื่องกู้ยืมเงิน จึงมาเช่าห้องพักที่เกิดเหตุ กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ เบื้องต้นคาดยาเสพติดดังกล่าวมีไว้เพื่อเสพ ขณะนี้กำลังรอผลตรวจเลือดยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหามียาเสพติดประเภทที่ 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งฝากขังศาลอาญา กรุงเทพใต้ ในวันที่ 13 ก.ค.
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า "ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 โดยผิดกฎหมาย ต่อมา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง"
ภาพจากกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"พร้อมกับคำสั่งให้ตำรวจรายดังกล่าวออกราชการไว้ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตามนัยคำสั่ง 1212/2537 เนื่องจากปล่อยปะละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปกระทำความผิด ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งให้สืบสวน ขยายผล จับกุมผู้ที่สนับสนุนหรือที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด"
"เพราะเป็นเรื่องรับไม่ได้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่กระทำความผิดกฎหมายเสียเอง เรื่องอย่างนี้ต้องถูกดำเนินคดีทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและขอยืนยันว่าจะไม่มีการปกป้องตำรวจที่กระทำความผิดกฎหมายอย่างแน่นอน และต้องรับโทษมากกว่าบุคคลธรรมดา"
"ที่ผ่านมาได้มีข้อสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้กระทำผิดกฎหมายหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อีกทั้งยังได้มอบนโยบายในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องของยาเสพติดอยู่แล้ว เช่นโครงการตำรวจสีขาว และตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดทั้งในเวลาราชการและนอกราชการ"