- 14 ก.ค. 2562
แม่หนูวัย 10 เดือน โพสต์เรื่องราวหมอจ่ายยาหยอดตาผิดทำ ลูกสาวตาบวมมีเลือดไหล เฉียดตาบอดหวุดหวิด ยันยังไม่ได้คิดเรื่องฟ้องร้องเอาผิดโรงพยาบาลรัฐ แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์เท่านั้น ด้านยุติธรรมจังหวัดนครปฐม เข้าเยี่ยม พร้อมประสานเจรจาให้ก่อนถึงขั้นแจ้งความฟ้องร้อง
จากกรณี น.ส.อนุวรรณ ศรีบุญ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/32 ม.2 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความและภาพลงบนเฟซบุ๊กถึงการเข้ารับการรักษาพยาบาลหลังจากลูกสาววัย 10 เดือน ได้มีอาการติดโรคตาแดง แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปรับการรักษาแล้วได้รับยาหยอดตามาใช้จนเกิดอาการผิดปกติ ก่อนจะกลับเข้าไปตรวจซ้ำ และได้ยากลับมาอีก แต่ทำให้อาการแย่ลงจึงได้ตัดสินใจไปพบแพทย์ที่คลินิก ซึ่งได้ให้ยาใหม่มาทำการหยอดตาจึงทำให้อาการดี แต่พบว่า ยาที่โรงพยาบาลจ่ายมาให้นั้นมีความรุนแรงส่งผลให้ตาเด็กบอดได้หากมาพบแพทย์ช้า ซึ่งเป็นที่สนใจวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ไปเป็นวงกว้าง
โดยกรณี น.ส.อนุวรรณ ศรีบุญ อายุ 24 ปี บอกว่า การโพสต์ดังกล่าวนั้นเพื่อเป็นการเตือนคนทั่วไปที่จะทำการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ โดยเหตุการณ์เริ่มจากวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อลูกสาวนั้นไปติดเชื้อตาแดงจากเพื่อนบ้าน ซึ่งตนเองได้พาลูกสาววัยเพียง 10 เดือน ไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐในตัวเมืองนครปฐม โดยแพทย์ได้ทำการตรวจสอบแล้วได้ให้ยามาหยอด
.
แต่เมื่อกลับมาหยอดแล้วอาการไม่ดีขึ้นและมีสิ่งผิดปกติ วันที่ 9 กรกฎาคม จึงได้กลับไปตรวจอีกครั้ง ซึ่งแพทย์คนเดิมได้ตรวจโดยไม่ได้ส่องดูอะไรในตา แล้วบอกว่าไม่มีอะไร จึงกลับมาได้หยอดตาด้วยยาใหม่ แต่ปรากฏว่าเมื่อหยอดไปก็เกิดอาการหนักกว่าเดิม มีอาการตาบวม มีน้ำเหลืองไหล และเลือดก็ไหลออกมา มีน้ำที่มีกลิ่นคาวออกมา จึงได้ตัดสินใจไปพบหมอจริยา ที่ถนนเทศาซอย 8 โดยหมอได้บอกว่ายาดังกล่าวเป็นยาแรงใช้กับเด็กไม่ได้เพราะถ้าปล่อยไว้ตาจะบอดได้ ซึ่งตนเองนั้นตกใจสงสารลูกสาวมากซึ่งพอเปลี่ยนยามาหยอดเมื่อวันที่ 10 อาการที่ดีขึ้นทันที
น.ส.อนุวรรณ บอกว่า เรื่องที่ตนเองโพสต์นั้นเป็นเรื่องที่อยากให้ประชาชนได้เกิดการรับรู้เป็นอุทาหรณ์เท่านั้น โดยขณะนี้ไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องเอาเรื่องกับทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด แต่อยากเตือนให้การทำงานต้องละเอียดรอบคอบกว่านี้ เพราะเป็นสิ่งที่อันตราย หลังจากโพสต์ลงไปนั้นมีคนเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมากว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนตัวก็รักษาที่นี่ไม่เคยเจออะไรผิดปกติก็เพิ่งมาเจอครั้งนี้ ยอมรับว่าไม่อยากจะเอาเรื่องเพราะกลัวว่าต่อไปหากไปรักษาจะไม่ได้รับการรักษา จึงอยากให้คนเข้าใจเท่านั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีพยาบาลจากโรงพยาบาลแห่งนี้ได้โทร.มาสอบถามเรื่องราวและบอกว่าหากติดใจการรักษาให้มาพบที่โรงพยาบาลแล้ววางสายไปจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้มาพบและติดต่ออะไรกลับมาอีก ซึ่งยอมรับว่าเสียความรู้สึกเหมือนกัน
และวันเดียวกัน ว่าที่ ร.ต.หญิงอรพิณ ม่วงเจริญ นักวิชาการยุติธรรมปฏิบัติการรักษาราชการแทนหัวหน้ากลุ่มอำนวยความยุติธรรมและนิติการ สักนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม ได้เดินทางมาพบเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมทั้งแนะนำข้อมูลถึงขั้นตอนที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม จะยื่นมือเข้ามาช่วย โดยบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม ได้ดำเนินการตามนโยบายในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย พร้อมทั้งได้ชี้แจงถึงสิทธิต่างๆ สำหรับกรณีนี้ พบน้องที่ได้รับการรักษาเป็นผู้เสียหาย ซึ่งตามหลักการจะต้องฟ้องร้องแพทย์ผู้ทำการรักษา โรงพยาบาลและประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรณีนี้ทางคุณแม่ไม่ประสงค์จะเอาความผิด แต่ทางสิทธิสามารถทำได้ ซึ่งทางออกที่ดีคือการเจรจากันก่อน โดยทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐมนั้นพร้อมจะเป็นคนกลางในการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายให้เกิดความเข้าใจ
ส่วนสิทธิของผู้เสียหายที่จะได้รับก็มีเงินเยียวยาให้ในเบื้องต้น แต่ต้องมีการเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งจะมีคณะกรรมการ ก็จะมีแพทย์ผู้ที่เชี่ยวชาญมาร่วมเป็นคณะกรรมการในการสอบสวนเรื่องนี้ด้วย โดยตอนนี้ทางคุณแม่พร้อมที่จะให้ทางเราเป็นตัวกลางนำเข้าไปพบทางโรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว โดยจะมีการดำเนินการต่อไป ขณะที่ นายสมศักดิ์ ศรีบุญ อายุ 57 ปี พ่อของ น.ส.อนุวรรณ บอกว่า เรื่องการติดเชื้อตาแดงนั้นเริ่มจากหลานคนเล็กไปติดจากเด็กแถวบ้าน แล้วมาติดที่หลานคนเล็ก จากนั้นตนเองไปอุ้มหลานก็ติดมาด้วย โดยมีอาการคันและเคืองตาจึงได้ไปหาหมอที่คลินิกแล้วหายาหยอดตามารักษา ที่ไม่ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลเพราะคนเยอะไปหาทั้งวันก็รอไม่ไหว โดยสิ่งที่เกิดขึ้นอยากจะเตือนว่าการจ่ายยาให้เด็กเล็กนั้นควรจะดูว่าเด็กอายุเท่าไหร่ เหมาะกับเด็กหรือไม่ และประสงค์ว่าจะไม่ฟ้องร้องเอาความเพราะไม่ได้อยากไปเอาเงินเอาทองของเขามา ซึ่งตนเองใช้วิธีทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองตามปกติไป ซึ่งเรื่องนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์ไว้เท่านั้น