- 26 ก.ค. 2562
สิ้นแล้ว “หลวงปู่แสน” สิริอายุ 112 ปี อริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน เกจิชื่อดัง “เทพเจ้าแห่งเขาภูฝ้าย” จ.ศรีสะเกษ และภาคอีสาน ละสังขารอย่างสงบที่วัดบ้านหนองจิก อ.ขุนหาญ ท่ามกลางลูกศิษย์และลูกหลานญาติพี่น้องต่างพากันร่ำไห้ด้วยความอาลัย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (26 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านหนองจิก หมู่ 2 ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายเสาร์ คุ้มครอง ลูกชายและเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่แสน ปสันโน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ และภาคอีสาน เปิดเผยว่า หลวงปู่แสน ปสันโน เทพเจ้าแห่งเขาภูฝ้าย พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน ได้ละสังขารอย่างสงบแล้วเมื่อเวลา 22.24 น.ของคืนวันที่ 25 ก.ค. 62 ที่กุฏิภายในวัดบ้านหนองจิก ท่ามกลางลูกหลาน ญาติพี่น้องลูกศิษย์ ที่มาคอยเฝ้าดูแลอาการของหลวงปู่ด้วยความห่วงใยจำนวนมาก
โดยก่อนหน้านี้ หลวงปู่แสนมีอาการอาพาธด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะที่ 2 และ โรคหัวใจ กระเพาะลำไส้ ปอดติดเชื้อ ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องและคณะศิษย์ได้นำหลวงปู่ไปเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ และโรงพยาบาลศรีสะเกษมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน
ล่าสุดพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศรีสะเกษ แพทย์พยาบาลได้ให้การรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ โดยแพทย์ต้องทำการดูดเสลดที่เหนียวออกแต่ดูดได้น้อยมาก และไม่สามารถดูดเสลดออกได้ เนื่องจากหลวงปู่อายุมากแล้วและร่างกายอ่อนเพลียอย่างหนัก และเมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 25 ก.ค. 62 หลวงปู่มีอาการทรุดหนักมาก หลวงปู่ได้แจ้งให้ตนและญาติพี่น้องทราบว่าจะกลับไปละสังขารที่วัดบ้านหนองจิก และให้นำหลวงปู่กลับมาที่วัดบ้านหนองจิก
นายเสาร์กล่าวต่อว่า หลังจากนำตัวหลวงปู่กลับมาถึงกุฏิวัดบ้านหนองจิกเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 25 ก.ค. หลวงปู่ยังไม่ละสังขาร แต่ได้รอลูกศิษย์ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง ที่กำลังเดินทางมาหาหลวงปู่ เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว หลวงปู่ได้ละสังขารอย่างสงบเมื่อเวลา 22.24 น.ของคืนวันที่ 25 ก.ค. 62 ซึ่งลูกศิษย์และลูกหลานญาติพี่น้องต่างพากันร่ำไห้ด้วยความอาลัยหลวงปู่ พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาให้กับลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปมาโดยตลอด
สำหรับกำหนดการพิธีการทำบุญสรีระสังขารของหลวงปู่นั้น ขณะนี้ได้แจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอพระราชทานน้ำหลวงสรงน้ำสรีระสังขารของหลวงปู่ เป็นการเบื้องต้นไว้ก่อนแล้ว โดยยังไม่ได้กำหนดว่าจะจัดพิธีสรงน้ำวันใด เมื่อได้รับพระราชทานน้ำหลวงมาแล้วจึงจะกำหนดวันเวลารวมทั้งกำหนดการประกอบพิธีต่างๆ ด้วย ซึ่งจะต้องรอนำไปกราบหารือกับพระราชกิตติรังษี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเตรียมจัดพิธีทางศาสนาต่อไป
นายเสาร์กล่าวต่อว่า สำหรับประวัติของหลวงปู่แสน ชื่อเดิมท่านคือ “แสน คุ้มครอง” เกิดเมื่อขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีมะแม ตรงกับวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2451 เป็นบุตรของพ่อเอี้ยง คุ้มครอง และแม่ผัน คุ้มครอง มี่พี่น้องร่วมมารดารวม 6 คน หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 2 ปัจจุบันเหลือหลวงปู่ผู้เดียว พื้นเพเป็นคนบ้างโพง ต.ไพรบึง อ.ขุขันธ์ จ.ขุขันธ์ ปัจจุบันคือ ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เมื่อครั้งยังเด็ก หลวงปู่เป็นลูกศิษย์อยู่ที่วัดบ้านโพง และพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโพงในสมัยนั้นเลี้ยงดู และได้บวชเณรให้หลวงปู่แสนที่วัดบ้านโพง
ระหว่างบวชเณรได้ไปศึกษาเรียนหนังสือกับหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอใต้ จนจบ ป.4 และได้เรียนตำราพระเวทจากหลวงพ่อมุม ทั้งภาษาขอม ภาษาธรรมบาลี จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2471 อายุ 21 ปี ได้เข้าบรรพชาอุปสมบทที่วัดบ้านโพง ได้นิมนต์หลวงพ่อมุม อินทปญโญ วัดปราสาทเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ส่วนพระอุปปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อบุญมา อาจารย์ของหลวงพ่อมุม วัดประสาทเยอเหนือ และระหว่างเป็นพระยังคงเรียนรู้วิชากับพระอาจารย์มุมอย่างต่อเนื่อง
หลวงปู่ได้รับการถ่ายทอดความรู้วิชาอาคมต่างๆ จากพระอาจารย์จนมีความเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน ฝึกจิตให้กล้าแข็ง มีสมาธิอันแน่วแน่ เพื่อเป็นพลังสื่อนำมาประกอบการใช้คาถาอาคม หลวงพ่อได้เอาใจใส่ฝึกฝนกับพระอาจารย์เจนจัดเชี่ยวชาญ กระทั่งอายุ 24 ปี ได้ลาสิกขาออกมาเพื่อมาช่วยงานทางบ้านที่มีฐานะยากจน แต่หลังจากสึกเป็นฆราวาสแล้ว ท่านได้บวชเป็นหมอธรรม บวชกับคุณพ่อธัมญา บ้านหนองหญ้าปล้อง เป็นระยะเวลาหลายปีเพื่อรักษาคน ปฏิบัติธรรม ช่วยเหลือคนเจ็บไข้ได้ป่วย
ขณะที่เป็นฆราวาส ระหว่างว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรม หลวงปู่ได้ชักชวนเพื่อนๆ หมอธรรมเดินทางไปเขมรเพื่อเรียนเพิ่มเติมที่จังหวัดพะตะบอง จ.เสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบพระผู้ใหญ่และอาจารย์จากทางเขมรแล้วได้ร่ำเรียนวิชาอาคมมาไม่น้อย หลวงปู่ท่านกลับเลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวกับช่วยเหลือผู้คน รักษาคน
ต่อมาพอหมดภาระทางบ้าน หลวงปู่ได้กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ตอนอายุ 90 ปี บวชที่วัดกุดเสลา มีเจ้าคณะตำบลเป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านบวชเป็นพระที่อยู่อย่างสมถะ ไม่มักมาก ไม่ยึดติด เป็นพระนักสร้าง ชาวบ้านกุดเสลาจึงรักและศรัทธาท่านมาก เนื่องจากหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีเมตตา แม้อายุจะย่างเข้า 93 ปี ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านโพง โดยรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ในช่วงนั้นวัดนั้นจะเต็มไปด้วยลูกวัด ในขณะที่จำพรรษาอยู่วัดบ้านโพงได้ทำนุบำรุงวัดเฉกเช่นวัดอื่น
จนอายุ 97 ปี ลูกหลานเป็นห่วงสุขภาพหลวงปู่จึงได้พาชาวบ้านไปนิมนต์หลวงปู่จากวัดบ้านโพงกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองจิกจนถึงทุกวันนี้ และท่านกลับมาพัฒนาวัดบ้านหนองจิกดั่งเช่นทุกวัด ปัจจุบันท่านอายุ 112 ปี วัตถุมงคลของหลวงปู่แสน ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยเนื่องจากวัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัย ผู้นำไปใช้มีโชคลาภมากมาย จึงทำให้มีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นที่นิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ