คุณแม่ลูกอ่อนสุดทรมาน หน้าพังเพราะพิษศัลยกรรม

อุทาหรณ์เตือนใจสาววัยรุ่นไปทำศัลยกรรมจมูก ทว่าสุดท้ายกลับอักเสบหนักจนน้ำหนองทะลักออกตาต้องรักษาตัวและต่อสู้กับความทรมาน โดยเธอได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเธอไว้เป็นตัวอย่างให้คนที่คิดจะทำศัลยกรรมได้ศึกษา

 

 

เจ้าของเฟซบุ๊ก Wimonrat Keawchingdwng โพสต์อุทาหรณ์ศัลยกรรมทำพิษ เล่าว่า เตือนภัยศัลยกรรมที่เจอมากับตัวเองเราจะไม่เปิดเภยชื่อคลินิคนะคะคือเราไปทำจมูกที่คลินิคแห่งหนึ่ง เเถวลาดพร้าว ซึ่งเราติดต่อผ่านตัวเเทนคนหนึ่ง
(ขอไม่เอ่ยนาม) คือวันเเรกที่ทำมาก็เขียวเเล้ว ซึ่งเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าปกติ จนมาถึงวันที่24 ก.ค. 

 

 

 

(เราเริ่มทำวันที่21) เราเริ่มมีอาการปวดหนัก หน้าบวม ช้ำเลือด ช้ำหนอง ซึ่งเราทักไปถามกับตัวเเทนคนนี้ ว่าปกติหรือป่าว ซึ่งเขาบอกว่าปกติพอมาวันที่ 25 เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะตัวแทนคนนั่นบอกว่าปกติ

 

 

 

วันที่27เริ่มจะไม่ไหวถ่ายรูปส่งไปให้กับตัวแทนคนนั่นเขาให้เราไปหาหมอที่คลินิคของเขาในวันต่อมา

 

 

แต่พอตกดึกเราไม่ไหวจิงๆมันปวดทรมานสุดๆเหมือนจมูกเรากำลังจะเน่าเราอาบน้ำมีหนองมีเลือดพุ่งออกมาเราตกใจร้องไห้พูดไม่ได้เลยตอนนั้นแฟนกับครอบครัวแฟนตกใจมากเลยรีบพามาหาหมอพอมาถึงที่โรงพยาบาลใหญ่แถวบ้าน หมอตรวจดูอาการปรากฎว่าติดเชื้อขั้นรุนแรงต้องผ่าตัดโดยด่วน

 

 

หมอให้เราตัดสินใจว่าจะไปรักษาที่คลินิคที่ทำมาหรือจะรักษาที่นี้เราทักไปถามตัวแทนคนนั้นเขาบอกให้จ้างแก๊ปไปส่งที่คลินิคของเขาแต่ ณ ตอนนั้นเราตัดสินใจอะไรเองไม่ได้เพราะหมอบอกถ้าเรานั่งรถไปตอนนั่นมีสิทธิ์ช็อคในรถแน่ๆเราเลยไม่เสี่ยง ตัวแทนคนนั้นก็ทักมาบอกให้เอาออกที่นั่นเลยเขาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เขาก็ทักมาสอบถามอาการนะแต่ก็แค่ถามพอเช้ามาเราผ่าตัดเสร็จหมอเดินมาบอกว่าซิลิโคนไม่สะอาดแถมกินไข่เข้าไปเลยทำให้หนองสะสม

 

 

คือ ณ ตอนนี้เราอยากได้ความรับผิดชอบในตัวเราซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะตาบอดหรือป่าวหน้าเราจะกับมาปกติหรือป้าวเราควรทำยังไงดีคะเพื่อนๆ เขาบอกจะรับฺผิดชอบก็ไม่มีวี่เเววจะรับผิดชอบมีแต่จะให้ไปคุยที่คลินิคแต่เราไปไม่ได้เราต้องนอนรอดูอาการคือเราให้เขาโอนค่ารักษาค่าทำขวันค่าเสียหายเขาก็ไม่ตอบจะไห้ไปคลินิคอย่างเดียวเราไปไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็ยังไม่ตอบเราเครียดมากตอนนี้จมูกก็ไม่เหมือนเดิมจิตตกมากตอนนี้นี่เราก็มองเห็นรางๆปล. แฟนพิมให้เรามองไม่เห็น ถ้าไม่ติดต่อกับมาก็ไม่ลบโพสถ้ไม่รับผิดชอบอะไรจะดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุด ช่วยเราแชร์หน่อยนะคะเพื่อนๆเราจิตตกมากกลัวว่าตาจะมองไม่เห็น เราอยากได้ความรับผิดชอบและค่าเสียหาย เรามีลูกเล็กที่ต้องดู ใครอยากรู้อะไรทักมาได้ค่ะ

 

ล่าสุดวันที่ 29 กรกฎาคม 2562 เธอได้โพสต์รูปภาพอีกครั้งพร้อมข้อความว่า "พยายามสู้เพื่อจะได้กลับไปกอดลูกไวๆแล้วค่อยดูแลตัวเองเอาหลังจากนี้ แต่หน้าจะเป็นยังไงต้องรอการรักษาต่อไปขอบคุนทุกกำลังใจนะคะ"

 

 

เรื่องราวของเธอเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่คิดจะทำศัลยกรรมได้อย่างดี ให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่สนใจให้ดีไม่ใช่เห็นว่าราคาถูกแล้วรีบไปทำโดยไม่ศึกษาให้ดีพอแม้จะมีตัวแทนก็ตาม

 

ขอบคุณ 

Wimonrat Keawchingdwng