- 29 ก.ค. 2562
สร้างความวิตกกังวลให้กับคนในครอบครัววงศ์ใหญ่ไม่น้อย เมื่อ น.ส.รสริน วงศ์ใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 382 หมู่ 10 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย เข้าพบ นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน แจ้งว่า นายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ ซึ่งเป็นบิดา อายุ 54 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานสมาคมส่งออกสัตว์ อ.เชียงแสน ได้เดินทางข้ามไปยัง เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยผ่านจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ แล้วถูกจับตัวเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 ล้านบาท
สร้างความวิตกกังวลให้กับคนในครอบครัววงศ์ใหญ่ไม่น้อย เมื่อ น.ส.รสริน วงศ์ใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 382 หมู่ 10 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย เข้าพบ นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน แจ้งว่า นายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ ซึ่งเป็นบิดา อายุ 54 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานสมาคมส่งออกสัตว์ อ.เชียงแสน ได้เดินทางข้ามไปยัง เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยผ่านจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ แล้วถูกจับตัวเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ที่ควบคุมตัว นายสิงห์แก้ว ได้ส่งข้อความพร้อมภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพ นายสิงห์แก้ว ถูกยิงบริเวณต้นขาขวา และมีรอยเลือดติดอยู่ที่กางเกง ในภาพ นายสิงห์แก้ว ยังถูกอาวุธปืนจี้ที่บริเวณศีรษะ และคนร้ายให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายอนันต์ฉาย แซ่โฮง โดยมีข้อความว่า "ถ้าเธอแจ้งตำรวจ ฉันจะฆ่าพ่อเธอ" ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ที่นายสิงห์แก้วใช้ติดต่อกับลูกสาว
ล่าสุด นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่องนี้ตนได้เรียก พ.ต.อ.เอกณสันต์ ศรีสองเมือง ผกก.สภ.เชียงแสน ร.ต.อ.โกมินทร์ บุญพา ผบ.ร้อย ทหารพราน เข้าพบเพื่อหารือ จากนั้นตนได้ประสานไปทางเจ้าเมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว จนที่สุดทางการลาวสามารถนำตัวคนขับรถที่มารับนายสิงห์แก้ว ทราบชื่อว่า นายสะหวาด ซึ่งกล่าวกับเจ้าหน้าที่ทางการลาวว่า ขณะขับรถพานายสิงห์แก้ว เดินทางไปตรวจโรงฆ่าสัตว์ที่อยู่ระหว่างเมืองต้นผึ้งกับบ้านห้วยทราย จนเข้าเขตบ้านร่มเย็น ได้มีรถของคนร้ายเข้ามาประกบและใช้ปืนจี้บังคับเอาตัวนายสิงห์แก้วไป
ต่อมา น.ส.รสริน วงศ์ใหญ่ ลูกสาวนายสิงห์แก้ว พร้อมมารดา และพี่ชาย ได้เข้าพบนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อหาทางช่วยเหลือพ่อที่ถูกจับตัวอยู่ฝั่งลาว
เบื้องต้น จากการสอบสวนทราบว่า สาเหตุที่นายสิงห์แก้วถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่น่าจะเป็นเรื่องเก่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับการค้าน้ำตาลทรายกับพ่อค้าคนจีนรายหนึ่ง ซึ่งนายสิงห์แก้วได้รับเงินล่วงหน้าแล้วส่งน้ำตาลทรายให้ไม่ครบ กับเรื่องต้นเฟื่องฟ้าที่คนจีนสั่ง และจากการตรวจสอบล่าสุด คาดว่าคนร้ายที่จี้จับตัวนายสิงห์แก้ว น่าจะเข้าไปในเขตประเทศจีนไปแล้ว ซึ่งนายอำเภอเชียงแสนได้ติดต่อให้ทางการลาวช่วยติดตามตัวเป็นการเร่งด่วน โดยจะเดินทางไปร่วมประชุมวางแผนที่ฝั่งเมืองต้นผึ้งด้วย
สำหรับ นายสิงห์แก้ว เป็นนักธุรกิจชายแดนด้าน อ.เชียงแสน ที่ค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านรวมไปถึงนักธุรกิจจีนมานาน ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 28 ก.ค. นายสิงห์แก้ว เดินทางข้ามไปยังเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อไปติดต่อธุรกิจผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน แต่ปรากฎว่าหลังจากข้ามไปแล้ว กลับมีข้อความและภาพคลิปดังกล่าวถูกส่งทางไลน์จากโทรศัพท์มือถือของนายสิงห์แก้ว ไปยังมือถือของญาติ พร้อมข้อความเรียกค่าไถ่และข่มขู่ดังกล่าว
นอกจากนี้แหล่งข่าวจากชายแดนระบุว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวพันกับการที่นักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งสั่งซื้อน้ำตาลทรายจากฝั่งไทยมูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าไม่มีการจัดส่งให้ได้ทันเวลา หรืออาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งออกโคและกระบือมีชีวิตลุ่มน้ำโขงจาก อ.เชียงแสน ที่ในปัจจุบันมีการค้ามูลค่าจำนวนมากโดยในปี 2561 มีการส่งออกผ่านด่านศุลกากรไปมากกว่า 22,052 ตัน มูลค่ากว่า 1,766,935,500 บาท
สุกรมีชีวิต น้ำหนัก 12,150 ตัน มูลค่า 708,091,500 บาท และเฉพาะเดือน มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา พบว่าส่งออกโคและกระบือไปแล้วน้ำหนัก 1,540 ตัน มูลค่ากว่า 133,924,500 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงควบคู่ไปกับการพยายามประสานกับทาง สปป.ลาว เพื่อช่วยเหลือนายสิงห์แก้วต่อไป