- 19 ส.ค. 2562
ล่าสุด นายสิระ เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมยื่นเสนอถอดถอนใบอนุญาตการก่อสร้างคอนโดหรูบนพื้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตรวจสอบคณะทำงานในท้องที่
สืบเนื่องจากการที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ออกมาแถลงถึงกรณีการก่อสร้างโครงการอาคารชุดพักอาศัยจำนวนหลายอาคาร ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลกะรน จ.ภูเก็ต ของอดีตนายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง ว่าดำเนินการในพื้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองประโยชน์ หรือ น.ส.3ก. เลขที่1863 ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ดินเเปลงดังกล่าวว่าออกโดยมิชอบแล้ว ก่อนจะมีการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดนายกเทศมนตรีจึงได้อนุญาตให้มีการก่อสร้างโครงการนี้ หรือเป็นเพราะมีผลประโยชน์แอบเเฝงหรือไม่
กระทั่งนายสิระได้ลงตรวจสอบพื้นที่และทำให้มีปากเสียงกับนายตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจนเป็นเหตุให้ บิ๊กป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เตรียมเรียก สิระ เจนจาคะ สส.พปชร. คุยตัวต่อตัวหลังกร่างใส่ตำรวจกะรน ภูเก็ต ที่มีคลิปว่อนโลกออนไลน์
ต่อมา พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.สภ.กะรน ได้มาขอเข้าพบนายสิระ เพื่อขอโทษแทนรองผู้กำกับ เนื่องจากได้เห็นคลิปแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงแทน ว่า เราได้จัดกำลังไว้ดูแลคณะ ส.ส.และชาวบ้านแล้ว แต่เนื่องจากไม่ได้มีการประสานขอมา ส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการกับผู้ที่ดำเนินการสร้างคอนโดนั้น เนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี และยอมรับว่าตั้งแต่มารับหน้าที่ที่กะรน เจ้าหน้าที่ของรัฐนิ่งเฉยกับปัญหาข้อพิพาทการก่อสร้างโครงการคอนโดดังกล่าวจริง
ขณะที่นายสิระ กล่าวว่า ไม่กังวลว่าคลิปที่ออกไปจะสร้างภาพลบให้กับตัวเอง เพราะทำเพื่อประเทศที่ได้รับความเสียหายจากการก่อสร้างคอนโดดังกล่าว และยืนยันจะเดินหน้าเรื่องนี้ถึงที่สุด คอนโดนี้ต้องหยุดก่อสร้าง และวานนี้ที่ชี้แจงให้รองผู้กำกับฟังตามคลิปก็ไม่ได้มีอารมณ์หรือทำตัวกร่าง แต่เป็นคนพูดเสียงดัง เพราะหูตึง และหลังจากนั้นก็ปรับความเข้าใจกันแล้ว
ล่าสุด นายสิระ เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมยื่นเสนอถอดถอนใบอนุญาตการก่อสร้างคอนโดหรูบนพื้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตรวจสอบคณะทำงานในท้องที่
โดย นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พลังประชารัฐ เดินทางเข้าพบ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ และนาย ทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรี ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พื้นที่ก่อสร้าง คอนโดหรู ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการก่อสร้างโครงการอาคารชุดดังกล่าวเป็นบริษัทของอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง โดยศาลปกครองนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองประโยชน์ (น.ส.3ก.) แล้ว แต่นายกเทศมนตรีได้อนุญาตให้มีการก่อสร้างโครงการนี้ต่อ โดยเชื่อเป็นโครงการนี้มีผลประโยชน์แอบเเฝง หากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นรัฐอาจจะเกิดความเสียหาย โดยจะต้องจ่ายค่าชดเชยมากกว่า 3,000 ล้านบาท
โดยระหว่างที่นายสิระ เข้าพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในห้องประชุมชั้น 2 ภายในศาลากลางจังหวัด ความเคลื่อนไหวที่ชั้น 1 มีนายทวี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพูดคุยและเปิดเผยถึงเหตุผลบางส่วนในการอนุญาตให้มีการจัดสร้างคอนโดเจ้าปัญหาได้ โดยระบุว่าเป็นการอนุญาตชอบด้วยกฎหมายและมีการไตร่ตรองตามข้อกฎหมายและข้ออื่นๆไว้มาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการเข้ามาทักท้วงของนายสิระ ในการก่อสร้างคอนโดหรูแห่งนี้เหตุใดไม่มีการท้วงติงในการออกเอกสารสิทธิ์ของคอนโดพี่อื่นๆที่เป็นปัญหาเหมือนกัน
จากนั้นภายหลังที่นายสิระ เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบริเวณชั้น 2 แล้วเสร็จ ได้ลงมาที่บริเวณชั้น 1 พร้อมเข้าพูดคุยกับนายทวี นายกเทศมนตรี ตำบลกะรน พร้อมชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของการก่อสร้างคอนโดหรูแห่งนี้ รวมถึงข้อเรียกร้องที่ได้ระบุต่อผู้ว่าฯ ภูเก็ต ให้ทางนายกเทศมนตรี ตำบลกะรนเพิกถอนใบอนุญาต ในการจัดสร้างคอนโดมิเนียมหรู และตรวจสอบขั้นตอนการขออนุญาตที่ไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐภายในท้องที่ ซึ่งระหว่างการพูดคุยได้เกิดการประทะคารมระหว่าง เจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาพร้อมนายทวี นายกเทศมนตรี ตำบลกะรน พร้อมอ้างเรื่องการเข้ามาของนายสิระ ในวันนี้เป็นการข่มขู่ กลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ ตำบลกะรน พร้อมย้ำต่อผู้สื่อข่าวและ นายสิระว่า การออกเอกสารสิทธิ์ให้ก่อสร้างคอนโดหรูเป็นขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายซึ่งมีการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว
ด้าน นายสิระ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการขออนุญาตก่อสร้างที่พักคอนโดหรูเหตุใดจึงสามารถสร้างเพื่อนำไปขายเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ น.ส.3 ก. อีกทั้งก่อนหน้านี้มีการออกใบอนุญาตอย่างไม่ชอบมาพากล มีการรู้เห็นกันของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการให้ใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรือไม่ รวมไปถึงการเตรียมที่จะยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน