โร่ร้องกองปราบ หนุ่มอุบลพ่อค้าเหนียวไก่ เหยี่อแพะในคดีฉกเพชรกว่า 15 ล้าน

จากกรณีพ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เหยื่อแพะในคดีฉกเพชร กว่า 15.8 ล้านบาท หลังศาลอาญาธนบุรียกฟ้องและมีคำสั่งให้ปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี หลังสิ้นอิสรภาพนาน 7 เดือน เพราะถูกตำรวจ สน.บางเสาธง จับกุมส่งฟ้องในข้อหา "วิ่งราวทรัพย์" และ "กักขังหน่วงเหนี่ยว" เหตุเกิดเมื่อปี 2559 โดยญาตินายพิสิษฐ์ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ช่วยรื้อคดีนี้เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า นายพิสิษฐ์ ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ และวันเวลาที่เกิดเหตุ นายพิสิษฐ์ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จนเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องและต้องปล่อยตัวคืนอิสรภาพให้ผู้ต้องหา

จากกรณีพ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เหยื่อแพะในคดีฉกเพชร กว่า 15.8 ล้านบาท หลังศาลอาญาธนบุรียกฟ้องและมีคำสั่งให้ปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี หลังสิ้นอิสรภาพนาน 7 เดือน เพราะถูกตำรวจ สน.บางเสาธง จับกุมส่งฟ้องในข้อหา "วิ่งราวทรัพย์"  และ "กักขังหน่วงเหนี่ยว" เหตุเกิดเมื่อปี 2559 โดยญาตินายพิสิษฐ์ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ช่วยรื้อคดีนี้เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า นายพิสิษฐ์ ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ และวันเวลาที่เกิดเหตุ นายพิสิษฐ์ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จนเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องและต้องปล่อยตัวคืนอิสรภาพให้ผู้ต้องหา

 

โร่ร้องกองปราบ หนุ่มอุบลพ่อค้าเหนียวไก่ เหยี่อแพะในคดีฉกเพชรกว่า 15 ล้าน

วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม นายพิสิษฐ์  สุวรรณพิมพ์ อายุ 50 ปี พ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ชาวอุบลราชธานี เหยื่อในคดี “แพะฉกเพชร” มูลค่า 15,800,000 บาท เมื่อปี 2559 พร้อมทนาย เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน  เพื่อให้ทางกองปราบทำการตรวจสอบข้อเท็จในคดี และเอาผิดกับ บริษัท กาแล็คซี่ ไดมอนด์ จำกัด  น.ส.บุญญรัตน์ รัศมีสุขานนท์  และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง ในข้อหา "แจ้งความเท็จจนได้รับโทษทางคดีอาญา และเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"  หลังนายพิสิษฐ์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายวิ่งราวเพชรมูลค่า 15.8  ล้านบาท จนต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ รวม 7 เดือน 10 วัน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งยกฟ้อง โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารคำตัดสินในคดีดังกล่าวของศาลมามอบให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณา

 

โร่ร้องกองปราบ หนุ่มอุบลพ่อค้าเหนียวไก่ เหยี่อแพะในคดีฉกเพชรกว่า 15 ล้าน


 โดย นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.พ. 2560 ตนเองได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง จับกุมตัวที่บ้านพัก โดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีวิ่งราวเพชรมูลค่ากว่า 15 ล้านบาทเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2559 ซึ่งมี  บริษัทกาแล็คซี่ น.ส.บุญญรัตน์ เป็นผู้แจ้งความไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวจะพาตนไปที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครพนม แล้วใช้กำลังทำร้ายร่างกายบังคับให้ตนยอมรับสารภาพและบอกที่ซ่อนเพชร แต่ด้วยความที่ตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจึงได้ตอบปฏิเสธกลับไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวจึงได้นำตนส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมายจนตนต้องถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำนาน 7 เดือน 10 วัน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

 

โร่ร้องกองปราบ หนุ่มอุบลพ่อค้าเหนียวไก่ เหยี่อแพะในคดีฉกเพชรกว่า 15 ล้าน
 

"ต่อมาตนจึงได้นำเรื่องเข้าร้องเรียนยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ช่วยเหลือทางคดี จนมีการสืบหาพยานหลักฐานมาหักล้างและยืนยันว่าตนเป็นแพะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อปี 2561 ศาลจึงได้มีคำสั่งยกฟ้องและเป็นอันสิ้นสุดทางคดี นอกจากนี้ตนยังแปลกใจว่าภายหลังสิ้นสุดคดีทำไมทางบริษัทกาแล็คซี่ น.ส.บุญญรัตน์ เจ้าของเพชรถึงไม่ได้สนใจที่จะตามหาตัวคนร้ายตัวจริง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ต้องเป็นแพะทางคดีได้รับความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก โดนสังคมตราหน้าว่าเป็นขี้คุก ลูกโดนเพื่อนล้อเลียน ทั้งยังกลายเป็นหนี้สินกว่า 6 แสนบาท ที่ผ่านมามีเพียงเงินเยียวยาช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม  1 แสนบาท ส่วนคู่กรณีที่กล่าวหานั้นไม่มีแม้แต่จะมาสนใจหรือคำขอโทษ ในวันนี้ตนจึงได้ตัดสินใจมายังกองปราบเพื่อนแจ้งความเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้ที่ทำให้ตนต้องกลายเป็นแพะทั้งที่ตนไม่ได้ทำความผิด"  นายพิสิษฐ์ กล่าว

 

โร่ร้องกองปราบ หนุ่มอุบลพ่อค้าเหนียวไก่ เหยี่อแพะในคดีฉกเพชรกว่า 15 ล้าน

 

ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องทำการสอบปากคำนายพิสิษฐ์ เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งต่อให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป