- 03 ธ.ค. 2562
ร้อยเวร ในที่เกิดเหตุ ตอกกลับปมดราม่า กรีดยางกระบะขนพริก
จากกรณีคลิปโด่งดังในโลกโซเชียล ในเวลานี้สำหรับกรณีของ ผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ได้มีการโพสต์คลิปไลฟ์สดเหตุการณ์บนถนนแห่งหนึ่ง
โดยในขณะที่คนขับรถขนพริกถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจที่ด่านแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้เกิดมีการโต้ เถียง กัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญขึ้นไปเจรจาในป้อม แต่ทว่าที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็คือ ในระหว่างที่คนขับรถกำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในป้อมอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นที่รถ จึงได้พากันไปดูแหละพบเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่ง มีพิรุธเหมือนกับซุกอะไรบางอย่างไว้แล้วก็วิ่งหนีไป
ซึ่งตำรวจอ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากยางรถที่แตกจึงขอไปหาหมอก่อน เมื่อดูที่รถพบยางแตกเป็นรอยยาวที่ด้านข้าง แหละมีหมวกหล่นอยู่ จึงสงสัยว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว อาจจะมาทำอะไรกับยางรถ จึงทำให้ไม่พอใจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่ามีกล้องวงจรปิดสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งต้องรอติดตามรายละเอียดความคืบหน้าต่อไป
โดยในเวลาต่อมานั้น วันนี้ (3 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก บก.ทล. ว่า หลังเกิดเรื่อง พ.ต.อ.จิรประภาพ สุทธปรีดา ผกก.7 บก.ทล. ได้มีคำสั่ง ส.ทล. 3 กก.7 บก.ทล. (หาดใหญ่) ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที และพร้อมรายงานผลภายใน 7 วัน ประกอบกับ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ ไปปฏิบัติหน้าที่ยัง ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล (โคกโพธิ์) เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส กับทุกฝ่าย
รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวง หรือ ตำรวจจราจร มาโดยตลอด เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในเรื่องความประพฤติตนและการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในและนอกเวลาราชการ ให้อยู่ในระเบียบวินัย น่าเชื่อถือ รวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ไม่รังแก หรือ เอารัดเอาเปรียบ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยหากพบว่าปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ก่อให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเกิดความเสียหาย ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยและทางอาญา โดยเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ ไม่มีละเว้น พร้อมให้ต้นสังกัดเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ที่กระทำโดยมิชอบ กลั่นแกล้งผู้อื่น ให้ดำเนินการลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด อย่าเอาไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับ ลงไปกำกับดูแล ควบคุมการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี หากเกิดข้อบกพร่อง ก็จะพิจาณาโทษผู้บังคับบัญชาเช่นกัน
ด้าน ร.ต.อ.ชัยรัตน์ หนูละออง ซึ่งทำหน้าที่ร้อยเวรในวันเกิดเหตุ ระบุว่าการเรียกตรวจค้นรถกระบะคันนี้ เพื่อตรวจสอบรถเป้าหมายที่อาจจะซุกซ่อนสิ่งผิดกฏหมายโดยเฉพาะยาเสพติดตามที่ได้รับรายงานและประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ซึ่งจะใช้วิธีซุกซ่อนมากับรถขนสินค้า แต่การตรวจค้นอาจเสียเวลา ทำให้คนขับไม่พอใจและไม่เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และเกิดการพูดตอบโต้กันขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ทางสถานีตำรวจทางหลวงทางหลวง 3 ได้มีการตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งตำรวจคู่กรณีและตำรวจทางหลวงทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ขณะเกิดเหตุ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องยางระเบิดซึ่งเป็นข้อสงสัยว่าถูกตำรวจเจาะหรือไม่ ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นพบว่า ตำรวจไม่ได้เจาะเป็นอุบัติเหตุยางระเบิดขณะที่ตำรวจทางหลวงนายนี้ก้มดูใต้ท้องรถพอดี ส่วนอาการของตำรวจทางหลวงนายนี้มีอาการแน่นหน้าอกและบาดเจ็บที่แขนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและขณะนี้อาการปลอดภัยและออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ร.ต.อ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ให้การช่วยเหลือรถกระบะขนพริกคันนี้อย่างดีที่สุด โดยใช้เวลาไม่เกิน10 นาทีก็นำยางอะไหล่มาเปลี่ยนยางให้และสามารถขับไปส่งพริกได้ทันเวลา และได้มีการไปพูดคุยกับเถ้าแก่เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและเข้าใจตรงกันและพริกก็ไม่ได้เสียหาย หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนยางใหม่ให้ 2 เส้นเป็นเงิน 8,700 บาท และพูดคุยทำความเข้าใจกับคนขับเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนเข้าใจและพอใจกันทั้งสองฝ่ายและเหตุการณ์จบลงด้วยดี ทางคนขับรถกระบะขนพริกเข้าใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และพอใจการช่วยเหลือของตำรวจทางหลวงที่เป็นไปด้วยความรวดเร็วจนสามารถส่งพริกได้ทันเวลาไม่เสียหาย แต่ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงในขณะเกิดเหตุตามที่ปรากฏในคลิปนั้นหากพบว่าผลการสอบสวนเรื่องมีความผิดก็จะดำเนินการทางวินัยโดยไม่ละเว้น