- 09 ธ.ค. 2562
สืบเนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Peerapong Amornpich ถ่ายคลิปเหตุการณ์เจอคนหนุ่มสาวร่างกายปกติ ขับรถมาจอดในที่คนพิการ ก่อนที่เจ้าของคลิปจะลงมือจัดการทุบกระจกรถสั่งสอนจนพังเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ภายในคลิป หลังจากที่เจ้าของโพสต์เห็น หนุ่มสาวร่างกายปกติ ขับรถมาจอดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังใกล้กับสนามบิน จ.เชียงราย
สืบเนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Peerapong Amornpich ถ่ายคลิปเหตุการณ์เจอคนหนุ่มสาวร่างกายปกติ ขับรถมาจอดในที่คนพิการ ก่อนที่เจ้าของคลิปจะลงมือจัดการทุบกระจกรถสั่งสอนจนพังเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ภายในคลิป หลังจากที่เจ้าของโพสต์เห็น หนุ่มสาวร่างกายปกติ ขับรถมาจอดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังใกล้กับสนามบิน จ.เชียงราย
กระทั่งต่อมา เขาได้โพสต์ข้อความแจงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งว่า “ผมทุบรถ คนไม่พิการ มาจอดรถที่คนพิการ ผมยินดีจ่ายค่าเสียหาย แต่ไม่ขอยินยอมปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดในสังคมไทย โดยที่ผมไม่ยอมทำอะไร
ทั้งนี้ เขาได้โพสต์ข้อความอีกครั้งว่า "ขอบคุณครับที่ต้องการช่วยผมลดภาระ แต่ขออนุญาตไม่รับเงินเรี่ยไรนะครับ" ซึ่งเขาได้แชร์โพสต์อันหนึ่งจากเพจรณรงค์เพื่อสิทธิผู้คนพิการ Accessibility Is Freedom ความว่า "จดหมายเปิด ประกาศสนับสนุนกรณี ประชาชนทุบรถที่ละเมิดสิทธิจอดรถบนที่จอดรถคนพิการ ตามที่ได้เกิดเหตุ คนในสังคมไปทุบรถที่ละเมิดจอดที่จอดรถคนพิการ เราออกจดหมายเพื่อแถลงการฉบับแรก ตามนี้ครับ
อ่านต่อที่ - นักธุรกิจทุบรถ จอดช่องคนพิการ ตอบทันทีเพจดัง ออกแถลงการณ์สนับสนุน เรี่ยไรเงินช่วยจ่ายค่าเสียหาย
ล่าสุด นายพีระพงค์ อมรพิชญ์ อายุ 46 ปี ชายที่ลงมือทุบรถ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้อัดคลิปวิดีโอและไลฟ์ลงเฟซบุ๊ก โดยระหว่างเกิดเหตุ ตนและครอบครัวเดินทางมาทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้า ก่อนจะพบคู่กรณีชายและหญิงขับรถกระบะสีขาวเข้ามาจอดในจุดจอดรถของคนพิการ ซึ่งมีป้ายและตัวหนังสือภาษาไทยติดอยู่ครบถ้วนและชัดเจน ในตอนนั้นตนเห็นว่าชายหญิงทั้งสองเป็นคนปกติ แต่กลับแย่งพื้นที่จอดรถสำหรับคนพิการจึงเกิดความไม่พอใจ
หลังจากนั้น ตนได้เข้าไปรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้า แล้วกลับออกมาที่ลานจอดรถ แต่ก็ยังพบเห็นรถคันเดิมจอดอยู่ที่เดิม จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ประกาศตามหาเจ้าของรถมาย้ายรถ แต่รอนานแล้วก็ยังไม่มา จึงตัดสินใจทุบกระจกรถของคู่กรณีดังกล่าว
โดยตนยินดีรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด ซึ่งผลการเจรจาตนได้จ่ายเงินค่าเสียหายเป็นจำนวน 10,000 บาท และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะแยกย้ายกัน ยอมรับว่าที่ผ่านมา ตนทนเห็นความไม่ถูกต้องในสังคมมาเยอะ อยากให้คนมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ ไม่ได้อยากเด่น อยากดัง และไม่ได้ต้องการจะเสียเงิน หรืออยากไปทะเลาะกับคนอื่นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายพีระพงค์ ได้ตอบเสียงสั่นทั้งน้ำตา เผยว่าหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทำให้ภรรยานอนร้องไห้ทั้งคืน เขาไม่ได้อยากสนับสนุนให้ตนทำแบบนี้ ตนก็ไม่ได้อยากทำ แต่ถ้าตนไม่ทำก็ไม่มีคนอื่นทำ โดยตอนนี้ภรรยาได้ยื่นคำขาดว่าถ้าเกิดขึ้นอีก ก็จะขอเลิกกับตน
ขอบคุณภาพจาก อมรินทร์ ทีวี