- 12 ก.พ. 2563
จากกรณีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ได้ใช้อาวุธปืนและอาวุธสงครามกราดยิงสนั่นที่ห้าง terminal 21 โคราช อันเป็นเหตุทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตกว่า 30 รายและผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 58 ราย กระทั่งเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญจ่าคลั่งได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกไปด้วยชีวิตผู้กล้าหลายนายตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากกรณีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ได้ใช้อาวุธปืนและอาวุธสงครามกราดยิงสนั่นที่ห้าง terminal 21 โคราช อันเป็นเหตุทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตกว่า 30 รายและผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 58 ราย กระทั่งเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญจ่าคลั่งได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกไปด้วยชีวิตผู้กล้าหลายนายตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
กระทั่ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้แถลงสด ขอโทษพร้อมแสดงความเสียใจ ต่อเหตุการณ์ที่กำลังพลในกองทัพกระทำ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
โดย พล.อ.อภิรัชต์ ถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่านาทีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ลั่นไกปืนฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว พร้อมกล่าวคำขอโทษ และเสียใจ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการกระทำของกำลังพลของกองทัพบก นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังลั่นคำไม่ท้อเสียงวิจารณ์ และพร้อมเดินหน้าปรับปรุงกองทัพต่อไป ทั้งยังสั่งการแล้วเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียเหตุโคราช ทั้งทหาร พลเรือน โดยไม่มีข้อแม้
ขณะเดียวกัน เพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้โพสต์ข้อความว่า “เรียนพี่น้องประชาชน ชมรมไม่เคยมีความคิดสนับสนุนการกระทำผิด ของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา แต่สิ่งที่นำเอกสารมาเปิดเผย ก็เพื่อต้องการให้กองทัพบกตรวจสอบสาเหตุและการทุจริตในกองทัพบก ไม่ใช่สุดท้ายก็เงียบ ทั้งเรื่องอมเบี้ยเลี้ยง ทั้งเรื่องบ้านสวัสดิการที่เป็นสาเหตุในครั้งนี้
ล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงการดำเนินการหลังแถลงข่าวรายละเอียดเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าเทอมินัล 21 จ.นครรราชสีมาว่า หลังจากได้ชี้แจงไปแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ทุกคนก็ต้องพร้อมรับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ในวันจันทร์ที่ 17 ก.พ.2563 จะพยายามเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ให้ได้ โดยได้สั่งการให้ไปหาระบบมา และควบคุมโดยสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก โดยจะจัดเจ้าหน้าที่ทำงานตามวันเวลาราชการ 08.00 น.-16.30 น. ส่วนนอกเวลาราชการจะเป็นระบบตอบรับอัตโนมัติเพื่อบันทึกเป็นข้อมูลไว้ แต่รับรองว่ามีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์อยู่แน่นอน ยืนยันว่าสิ่งที่กำลังพลทุกนายถูกเอาเปรียบต้องมีการรายงาน ยศ ชื่อ ตำแหน่ง และสังกัด รวมถึงหมายเลขประจำตัว รับรองว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี
"มีคนส่งข้อความมาถึงผมเรื่องเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ผมจึงได้ส่งไปถามผู้บังคับหน่วยเพื่อให้ดำเนินการ ไม่ใช่ดูอย่างเดียว ขั้นต้นผมก็ได้มีการลงโทษ และในวงรอบต่อไปก็จะมีการปรับย้าย ยืนยันว่าทำจริงจัง ทั้งนี้ขอร้องผู้ที่แจ้งข้อมูลว่าต้องแจ้งข้อความจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง เพื่อจะได้ตรวจสอบได้ว่าบุคคลที่แจ้งมีตัวตนจริง ถ้าโกหกต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เพราะทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จ"
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นอดีต ผบ.ทบ. ได้ให้ข้อแนะนำหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า นายกฯ บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปรับแก้ ให้ทันยุค ทันเหตุการณ์ซึ่งต้องยอมรับว่ากองทัพเป็นเป้าหมาย รวมถึงตนเองด้วย เพราะฉะนั้นการที่ผู้บังคับบัญชาต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่บังคับแต่คนอื่น อย่างไรก็ตาม ก็พยายามทำหลายเรื่อง และได้ทำไปหลายเรื่องแล้วแต่ไม่อยากโฆษณา อย่างที่บอกแล้วว่า propaganda ไม่เก่ง
เมื่อถามถึงกรณีการลงนามกับกระทรวงการคลังในเรื่องทรัพย์สินราชพัสดุกับกระทรวงการคลัง พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในส่วนของขั้นตอนจะนำเรื่องที่เป็นสวัสดิการดั้งเดิมของกองทัพบก เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม และสนามมวย ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ได้ข้อยุติแล้วว่าจะเริ่มดำเนินการที่ใดบ้าง เพราะต้องเริ่มเป็นเฟส หรือระยะ โดยเฟสที่1 เริ่มต้นที่โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟ และสนามมวย โดยจะมีการบันทึกเอ็มโอยูกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้สวัสดิการเชิงพาณิชย์และเป็นไปตามกฎหมาย หมายความว่าได้รับที่ไหนมาก็ต้องแบ่งให้กระทรวงการคลัง จากนั้นกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาสัดส่วนคืนให้เป็นสวัสดิการของกองทัพบก ซึ่งก็จะทำไปเข้ากองทุนสวัสดิการต่อไป การบริหารจัดการทั้งหมดจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการมากกว่าจะใช้ทหาร เพราะมีความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากเราไม่ได้เรียนการโรงแรมมา เราไม่ได้เรียนการบริหารจัดการมา แต่เรามีบุคลากรที่ยังทำงานอยู่
“อะไรที่ไม่ดีก็ยอมรับ แต่อย่ามาตีซ้ำ ตีซ้อน ผมแก้ไข ไม่ใช่ไม่ทำ ไม่ใช่ผมพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ ไปถามดูได้ในกองทัพบกในสิ่งที่ทำ ผมก็ยอมรับ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ผิดพลาด และที่เกิดขึ้นนอกกองทัพบก ผมพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด และตนต้องแบกรับผลกระทบจากกำลังพลที่ทั้งไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะวัตถุประสงค์คือกองทัพบกต้องอยู่”
เมื่อถามว่า อาจจะเกิดผลกระทบกับกำลังพลที่ต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงาน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เป็นส่วนน้อย เช่นกำลังพลที่ไปช่วยราชการอยู่ที่โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ ก็มีตำแหน่งและเงินเดือนอยู่แล้ว ก็กลับมาทำงานที่เดิม ไม่ใช่ทำงาน 2-3 แห่ง ซึ่งจะทำทุกอย่างให้สะอาดและโปร่งใส เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่แก้ตนจะเป็นคนรับผิดชอบและแก้ไขให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเกิดจากเปิดเผยข้อมูลของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตที่เรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพใช่หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า จริงๆ เราทำมาก่อนแล้ว แต่บางครั้งเป็นเรื่องภายในของกองทัพบก ที่ผู้บังคับบัญชาหลายคนคุยกันและมีการจัดระเบียบยุทโธปกรณ์ ซึ่งตนพูดได้เต็มปากว่าทำตั้งแต่ตอนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขณะที่รับผิดชอบเรื่องสายงานการส่งกำลังบำรุง ตนจัดระเบียบตั้งแต่ตอนนั้น
ดังนั้นมาตรการต่างๆ ถือว่าดีแล้ว แต่หากยังหละหลวมอยู่ก็ต้องเพิ่มไป การลงโทษกำลังพลยอมรับว่ากองทัพบก มีกำลังพลเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็ต้องเลย์ออฟออกไป มีมากก็ไม่ต้องทำงาน และตนเอาจริงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กใคร ค่ายไหนตนไม่สน อย่ามาอ้าง ทุกวันนี้การมาฝากเป็นโน่นเป็นนี่ ตนให้ 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่มีตรงนี้ อาจจะมีจดหมายหลุดมาบ้าง ถือว่ากล้าหาญมากที่ทำ แต่ตนก็พิจารณาถ้าไม่ดี คนเสนอต้องรับผิดชอบ เพราะทุกวันนี้ทหารต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีค่าย ตามที่สื่อเคยเรียก
ขณะเดียวกันทางเพจ Army times Thailand ได้เผยคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า "พวกเราเสียใจ ข้างในนั้น เคยเป็นเพื่อนทหารเรา แต่นาทีนี้เขากลาย เป็นคนร้าย เราจึงจำต้องจับกุม เมื่อทหารถือปืนหันไปทางอริราชศัตรูแผ่นดิน พวกเราคือผู้พิทักษ์ เมื่อใดที่ทหารหันปลายกระบอกปืน ทำร้ายผู้คน พวกเขาคือคนร้ายและอาชญากร
กองทัพภาคที่2 ปล่อยคลิปวีดีโอการทำงาน ของทหารที่ร่วม ปฏิบัติงาน สกัดยับยั้ง คนร้าย กราดยิง ในโคราช แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ ทดแทนคำว่าเสียใจ และขอโทษ"
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Army times Thailand