นายกฯตู่ตอบกลับแหม่ม โพธิ์ดำแล้ว ย้ำเชื่อมั่นเป็นเพจน้ำดี

จากดราม่าที่มีทีท่าว่าจะไม่จบง่ายๆ แค่เพจควีนสุดดังอย่าง แหม่มโพธิ์ดำ เปิดโปงขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยของนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี หรือ บอย ไนท์มาร์เก็ต โดยพบว่ามีการสมคบกันระหว่างคณะทำงานรัฐมนตรีรายหนึ่ง ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กักตุนหน้ากากอนามัยไว้กว่า 200 ล้านชิ้น เพื่อขายฟันกำไรกับนายทุน ซึ่งพบว่าเมื่อวันที่ 2 มี.ค. มีการประกาศขายหน้ากากอนามัยหนา 3 ชั้น อ้างว่ามีสินค้า 5 ล้านชิ้น ขายในราคา 14 บาทต่อชิ้น โดยต้องซื้อขั้นต่ำ 1 ล้านชิ้น ผู้ที่จะซื้อต้องแสดงหลักฐานการเงินหรือพานายทุนจีนมาซื้อเท่านั้น เรื่องดังกล่าวทำเอาชาวเน็ตต่างประนามถึงพฤติกรรมกักตุนหน้ากากอนามัย ทั้งที่ขาดแคลนทั้งประเทศ
 

จนกระทั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นายพิตตินันท์ รักเอียด คนสนิทได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้รู้จัก นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ไนท์มาเก็ต จากนั้นนายบอยได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข  รองผบ.ตร.สอบปากคำเอง ซึ่งทางนายบอยได้ให้การว่าเป็นแค่พ่อค้าออนไลน์ และที่กุเรื่องโชว์สต๊อกหน้ากากอนามัยเพราะอยากสร้างความน่าเชื่อถือ

 

 

อ่านข่าว - เฮียบอย โดนคุมสอบสตช. คอตกสารภาพ เป็นแค่พ่อค้าออนไลน์ กุเรื่องโชว์สต๊อกหน้ากากอนามัย ไม่รอดโดนหลายข้อหา

ต่อมา นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่น บก.ปอท.เชิญเพจแหม่มโพธิ์ดำ เข้าให้ข้อมูลเรื่องการกักตุนและขายหน้ากาก ของนายบอย ไนท์มาร์เก็ต ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. แจ้งวัฒนะ ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ควีนโพธ์ดำได้ยืนกรานแล้วว่าไม่มีทางที่ตนจะไปที่ ปอท. เด็ดขาด 

 

อ่านข่าว - แหม่ม โพธิ์ดำ ไม่โอเค โดนบีบให้โผล่หน้า พบตร.สอบปมแฉข้อมูลกักตุนหน้ากาก
 
จากนั้นไม่นาน เพจเฟซบุ๊ก Red Skull Society ได้โพสต์ภาพ พร้อมระบุข้อความว่า "สวัสดีค่ะลุง นี่แหม่มโพธิ์ดำเอง จำได้ไหม เพจเล็กๆ เพจนึงที่ลุงตู่เคยชมในวันศุกร์ว่าเป็นเพจน้ำดี คอยช่วยเหลือสังคมเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้ควีนเป็นงงค่ะ ว่าลูกน้องลุงกำลังทำอะไรอยู่ มาหาว่าเพจลงข้อมูลอันเป็นเท็จ ต้องเปิดเผยตัวตน เออ แทนที่จะไปจับ ไปตามสืบว่าตาบอย หรือ ตาพันธ์ยศ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง ตรวจเช็กบัญชีมันและคนรอบข้าง ยังไงก็เจอ แหล่งข่าวส่งสลิปเงินโอนให้เพียบ กลับให้ตำรวจแก้เกมบอกว่า บอยเขาเป็นคนใสๆ ซื่อๆ ไม่มีอะไรหรอก แล้วให้คนของรัฐบาลมาเล่นงานคนแฉที่เสี่ยงลงรายละเอียดทุกเรื่องเพื่อช่วยชาติตามหาหน้ากาก ข้อมูลทั้งหมด บอยมันก็ลงของมันเอง

 

อ่านข่าว - แหม่ม โพธิ์ดำ ฝากจม.ผ่านสื่อถึงลุงตู่ เล่าทุกความรู้สึก

ล่าสุด ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตอบกลับแอดมินเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" แล้ว  หลังจากมีการส่งจดหมายเปิกผนึกถึงลุงตู่ โดยนายกฯระบุเองว่ายังคงชื่นชม แหม่มโพธิ์ดำเป็นเพจน้ำดีเหมือนเดิม ด้วยภารกิจที่คอยช่วยเหลือสังคม 

 

ประเด็นสำคัญคือ สิ่งที่เพจแหม่มโพธิ์ดำเปิดเผยออกมา ยืนยันว่ารัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบอยู่  และหากพบมีการกระทำที่เป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อประชาชนและประเทศ ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำว่าไม่ว่าใครหน้าไหน จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบและลงโทษขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีการปกป้องใดๆทั้งสิ้น  ในกรณีหากตรวจพบว่ามีการกระทำการกักตุนหน้ากากอนามัย หรือส่งขายต่างประเทศ รวมทั้งมีการขายเกินราคา เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชน   โดยเฉพาะในสถานการณ์อย่างนี้ ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   ระบุด้วยว่า  นอกเหนือจากที่กระทรวงพาณิชย์จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการกักตุนหน้ากากอนามัยและการขายสินค้าเกินราคาแล้ว   นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ให้ทำหน้าที่กำกับหน่วยพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อติดตาม สืบสวนสอบสวน จับกุม ผู้กระทำในลักษณะต่าง ๆ  และรายงานตรงต่อนายกฯ เพื่อลงโทษไม่มีละเว้น 

 

"เราจะดำเนินคดีทุกอย่างที่ตรวจพบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกักตุน ขายเกินราคา หรือแม้แต่กรณีการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ชิ้นที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดไปแล้ว"

 

ส่วนกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าร้องเรียกพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ให้ตรวจสอบเพจแหม่มโพธิ์ดำ เนื่องจากออกมาเปิดโปงเสี่ยบอยกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น  พร้อมขอให้ออกหมายเรียก  แอดมินเพจแหม่มโพธิ์ดำเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ  จากการตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจน กับนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ   ยืนยันว่า ปัจจุบัน นายสนธิญา ไม่ใช่สมาชิกพรรคพลังประชาชารัฐ  เพราะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปนานแล้ว การกระทำของนายสนธิญา จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรค หรือรัฐบาลแต่อย่างใด