- 15 มี.ค. 2563
เกาะติดสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด สำหรับโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่กำลังระบาดในจีน โดยเริ่มมีการรายงานว่าพบผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2562 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ตอนกลางของประเทศจีน จนตอนนี้โรคไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังกระจายไปทุกมณฑลและเขตการปกครองอื่นๆ ของจีน และหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 150,000 คน และผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,617 คน
เกาะติดสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด สำหรับโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่กำลังระบาดในจีน โดยเริ่มมีการรายงานว่าพบผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2562 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ตอนกลางของประเทศจีน จนตอนนี้โรคไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังกระจายไปทุกมณฑลและเขตการปกครองอื่นๆ ของจีน และหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 150,000 คน และผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,617 คน
ขณะนี้สถานการณ์ในจีนมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะพบผู้ป่วยน้อยลง ขณะที่โรงพยาบาลชั่วคราวที่สร้างขึ้นมารองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็เริ่มปิดตัวเพราะคนไข้จำนวนมากกลับบ้านได้แล้ว แต่ในหลายประเทศอย่างอิตาลี อิหร่าน และญี่ปุ่น ดูเหมือนตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 จะยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ทั้งยังแพร่กระจายไปยังประเทศข้างเคียง จนรัฐบาลแต่ละชาติต้องออกมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มารับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้
โดยข้อมูลข้อมูล ณ วันที่ 14 มี.ค. 2563 เวลา 23.45 น. เผยว่ามีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สะสมทั่วโลก 150,004 คน แบ่งเป็น จีนแผ่นดินใหญ่ 80,829 (เพิ่มขึ้น 28 ราย) นอกจีน 56,779 คน (เพิ่มขึ้น 8,709 ราย) มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5,617 ราย จีนแผ่นดินใหญ่ 3,189 ราย (เพิ่มขึ้น 13 ราย) นอกจีน 2,428 ราย (เพิ่มขึ้น 501 ราย) และมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่ง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แจ้งยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 ล่าสุดว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 32 ราย โดยติดจากสนามมวย สถานบันเทิงแหล่งเดิมที่เคยมีผู้ติดก่อนหน้านี้ , กลุ่มสัมผัสนักท่องเที่ยวเช่นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และข้าราชการ ที่กลับจากการดูงานที่สเปน ย้ำขอให้เลิกไปดูงานในต่างประเทศในช่วงนี้
จากจำนวนผู้ป่วยที่พบเพิ่มขึ้นในวันนี้ ทำให้สรุปได้ว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรวม 114 ราย รักษาหายแล้ว 35 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16 มีนาคม 2563 นี้ กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอรัฐบาลให้ออก 3 มาตรการสกัดเชื้อโควิด 19
1.ลดจำนวนคนเดินทางเข้าประเทศ
2.ให้ปิดสถานบันเทิงเสี่ยง
3. งดกิจกรรมที่มีคนหมู่มาก
โดยทาง สธ.ได้ให้รายละเอียดว่า "สถานการณ์ ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.
1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 76 ราย กลับบ้านแล้ว 37 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 114 ราย
2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 14 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 6,176 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 258 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 5,918 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 4,223 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,953 ราย
3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 147 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 15มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 155,817 ราย เสียชีวิต 5,814 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,824 ราย เสียชีวิต 3,189 ราย
2. สธ. พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 32 ราย รักษาหายกลับบ้าน 2 ราย แนะงดไปสถานที่แออัด
กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 32 ราย รักษาหายกลับบ้าน 2 ราย แนะหลีกเลี่ยง/งดเข้าไปในสถานบริการที่มีความแออัดและเสี่ยงสูง งดการเดินทางไปต่างประเทศ
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ว่า จากการประชุมของกระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) มีมาตรการที่จะนำเสนอศูนย์บริหารจัดการของรัฐบาล อาทิ มาตรการการลดผู้เดินทางเข้าประเทศ ปิดสถานบริการที่มีความแออัดและเสี่ยงสูง งดกิจกรรม รวมคนหมู่มาก เพื่อเสนอท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรายงานผู้ป่วยที่มี ความสัมพันธ์กับ สถานบันเทิง และร้านอาหารก่อนหน้านี้
ในวันนี้ มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 32 ราย ที่มีความสัมพันธ์กับสถานที่ต่างๆ ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เชื่อมโยงกับสนามมวย จำนวน 9 ราย
กลุ่มที่ 2 เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง จำนวน 8 ราย
กลุ่มที่ 3 ทำงานสัมผัสกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จำนวน 3 ราย
กลุ่มที่ 4 ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ จำนวน 7 ราย
กลุ่มที่ 5 เป็นผู้สัมผัสเจ้าของร้านอาหารที่ติดเชื้อ จำนวน 2 ราย
กลุ่มที่ 6 อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนโรค จำนวน 3 ราย
และยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 51 ราย
โดยมีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้เพิ่มอีก 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 29 ปี และหญิงไทย อายุ 22 ปี จากสถาบันบำราศนราดูร
สรุปมีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 37 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 76 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสมในประเทศไทยขณะนี้ 114 ราย
ขณะนี้ เราพบผู้ป่วยรายใหม่จากสถานที่ที่มีคนหนาแน่น เช่น ผับ สนามมวย ร้านอาหาร จึงขอให้หลีกเลี่ยง หรืองดไปสถานที่ดังกล่าว แต่หากมีความจำเป็นต้องไปขอให้สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ แยกภาชนะแก้วน้ำ ช้อน หากเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ดังกล่าวขอให้สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ ส่วนผู้ประกอบการให้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดสถานที่ โต๊ะ เก้าอี้ และเปิดหน้าต่าง ประตู ระบายอากาศทุกวัน นอกจากนี้ ขอให้งดการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค
ทั้งนี้ ร้านอาหาร สถานบันเทิง ที่พบผู้ป่วย กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการลงพื้นที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว โดยในสัปดาห์หน้า คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. จะมีการจัดประชุมเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย มาตรา 35 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งการจะสั่งปิดสถานที่ใดๆ ต้องได้รับการเห็นชอบจาก คณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัด
เช้าวันนี้ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้รับผู้เดินทางจากประเทศอิตาลี จำนวน 83 คน ประกอบด้วย นักศึกษาแลกเปลี่ยน 78 คน นักท่องเที่ยว 3 คน พนักงานสายการบิน 2 คน ในจำนวนนี้ 6 คน เป็นผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวังสังเกตอาการ เนื่องจากมีอาการไอ มีน้ำมูก ไม่มีไข้ ส่งไปรพ.สัตหีบกม.10 จำนวน 3 ราย รพ.บ้านฉาง 1 ราย รพ.มาบตาพุด 1 ราย และรพ.ระยอง 1 ราย ส่วนผู้เดินทางอีก 77 คน ส่งไปพักสังเกตอาการที่อาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จนครบ 14 วัน
3. คำแนะนำสำหรับประชาชน
ขอให้ประชาชนสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/ และ “ไทยรู้ สู้โควิด” ทาง Twitter, Facebook, Line official, TikTok และ “Kor-Ror-OK” ChatBot 1422 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” ตรวจสอบข่าวลวงได้ที่ www.antifakenewscenter.com