ผู้แทนผบ.ทบ. แถลงอาการล่าสุดเจ้ากรมสวัสดิการฯหลังติดเชื้อโควิด-19

ผู้แทนผบ.ทบ. แถลงอาการล่าสุดเจ้ากรมสวัสดิการฯหลังติดเชื้อโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มี.ค.2563 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มอบหมายให้พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก แถลงความชัดเจนกรณีที่พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 
 

ซึ่งกองทัพบกมีบุคลากรที่ติดเชื้อเป็นรายแรกคือพล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก จึงต้องดำเนินการตามมาตรการต่างๆให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศและให้คำแนะนำเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด  ทั้งนี้พล.ต.ราชิตมีอาการไข้ 1 วัน และไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 โดยพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้เข้ามารายงานตัวเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่ได้ทำการตรวจอีกครั้งเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2563 พบว่าผลการตรวจอย่างเป็นทางการมีการติดเชื้อชัดเจน จากนั้นมีการส่งผลเลือดไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลออกมาเวลา 19.00 น. ของวันที่ 15 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมาปรากฏกว่าติดเชื้อโควิด-19 แน่นอน แต่อาการปัจจุบันนั้นดีขึ้นเหมือนปกติ ไม่มีไข้ และไม่พบความผิดปกติทางปอด เพราะพล.อ.ราชิตเป็นคนที่แข็งแรง ให้ปอดไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการแยกโรคที่โรงพยาบาล สำหรับครอบครัวของพล.ต.ราชิตก็ไม่พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่จะต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วันตามมาตรฐาน พร้อมกันนี้ยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาพล.ต.ราชิตไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงประเทศฝรั่งเศสตามที่มีกระข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
 
พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้กองทัพบกเองยืนยันว่าเราเน้นมาตรการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับกระทรวงสาธารณสุข โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำให้กองทัพมีความพร้อมและเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำลังพล สถานรักษาพยาบาล รวมถึงขีดความสามารถทางเครื่องมือที่มีอยู่ โดยขณะนี้พล.อ.อภิรัชต์มีนโยบายเปิดศูนย์ประสานงานทางการแพทย์ขึ้น โดยมีกรมแพทย์ทหารบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ทำหน้าที่ประสานงาน กำหนดนโยบาย ให้ข่าว ให้การบริการทางการแพทย์ เตรียมสถานพื้นที่ บุคลากร และเวชภัณฑ์อย่างเป็นระบบ สร้างมาตรการรับรู้ รวมถึงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กำลังพลและประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งบูรณาการประสานร่วมงานกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข และเหล่าทัพ เพื่อเชื่อมโยงนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และรองรับการปฏิบัติงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ต้องชื่นชมกระทรวงสาธารณสุขที่วางมาตรฐานและระบบการทำงานไว้ล่วงหน้าทุกเรื่องในเชิงรุกเป็นอย่างดี

พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการสำคัญเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นในกองทัพบกจะต้องทำการวินิจฉัยและจัดเข้าสู่กระบวนการรักษาผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง ปัจจุบันใช้ห้องแยก อุปกรณ์ทางการแพทย์และบุคลาการตามมาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ทุกประการ ขณะที่ขั้นดำเนินการสอบสวนโรคต้องค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดย้อนหลังไป 14 วัน นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ จากนั้นก็ใช้วิธีการติดต่อโดยตรงกับบุคคลดังกล่าว เพื่อนำมาแยกตัวและกักบริเวณไว้ 14 วัน ซึ่งมีผู้อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงสูงที่เป็น 1 ใน 5 เสือกองทัพบก ผู้บังคับบัญชาระดับสูงและข้าราชการผู้ร่วมปฏิบัติงาน จำนวน 36 นาย 
 

ผู้แทนผบ.ทบ. แถลงอาการล่าสุดเจ้ากรมสวัสดิการฯหลังติดเชื้อโควิด-19

 

โดยปัจจุบันได้สั่งการให้พักกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วันแล้ว รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและครอบครัวผู้ที่มีความใกล้ชิด จำนวน 60 ราย เช่น พลขับ เจ้าหน้าที่ที่โดยสารร่วมกันไปในรถ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในระบบการทำงาน และในสถานที่เสี่ยงจะต้องมีการเฝ้าระวังอย่างมีประสิทธิภาพทุกคนโดยไม่เว้นใคร หรือจะยศอะไร โดนหมดทุกคนที่เข้าร่วมประชุมด้วยกันและมีระยะห่างไม่เกิน 4.5 เมตร ภายใน 15 นาที ยืนยันว่าสามารถควบคุมได้ทั้งหมดแล้ว หากพบอาการไข้ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป ทั้งนี้ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำว่าจะต้องไปตรวจติดตามว่าอยู่บ้านหรือไม่ ถ้าไม่อยู่ถือว่าขัดคำสั่ง หากเกิดอะไรขึ้นมาต้องรับผิดชอบ พร้อมกันนี้กองทัพบกได้ปิดและทำความสะอาดสถานที่ที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อตามสมมติฐานข้อสงสัยคือสนามมวยลุมพินีเรียบร้อยแล้ว รวมถึงที่บก.ทบ.ด้วย นอกจากนี้กองทัพบกยังได้จัดทำคอลเซ็นเตอร์เพื่อรับทราบเรื่องราวและแจ้งสถานการณ์ให้กับหน่วยของกองทัพบกโดยเฉพาะ เพื่อประโยชน์ต่อกำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป

“ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการตอนนี้คือการสืบขยายผลสอบสวนโรคอย่างรวดเร็ว เพื่อแข่งกับเวลา เพราะยิ่งทำเร็วมากเราก็สามารถควบคุมได้ชัดเจนมากที่สุด ดังนั้นการควบคุมที่มีมาตรฐานสูงคือต้องเร็ว ต้องถึงตัวก่อนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าไม่มีการดำเนินงานตามลำพัง จะสร้างความตระหนักรู้และความรอบรู้เรื่องไวรัสโควิด-19 ให้กับกำลังพลทุกระดับ และปรับวิถีความเป็นอยู่ของทหาร รวมถึงสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่นการรวมแถว การเพิ่มระยะปลอดภัย การรับประทานอาหาร ทุกนายจะต้องใช้พาชนะถาดหลุมและช้อนของตนเอง จะไม่มีน้ำคลูเลอร์ ทุกคนต้องคาดกระติกน้ำของตัวเอง นั่งหันหน้าไปทางเดียวกัน การลดความแออัดในโรงเลี้ยง การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง รักษาความสะอาดพื้นที่และของใช้ส่วนตัว สังเกตอาการผู้ร่วมงาน และจัดเจ้าหน้าที่คัดกรองโดยตรงของหน่วยงาน และติดตามความเสี่ยงของแต่ละบุคคล การลาพักไปที่ไหนอย่างไร ต้องตรวจวัดอุณหภูมิสม่ำเสมอ รวมถึงต้องป้องกันจากตนเองเป็นหลัก กองทัพจำเป็นต้องสงวนทรัพยากรและรักษาสุขภาอนามัยไว้เพื่อเผชิญกับสถานการณ์ภาวะวิกฤตได้ต่อไป” พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าผบ.ทบ.ถูกกักตัวด้วยหรือไม่  พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ไม่ถูกกักตัว  เพราะไม่ได้มีอาการไข้อะไร อีกทั้งยังแข็งแรงดีและยังปฏิบัติงานตามปกติ ซึ่งวันนี้ก็เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก โดยเป็นการประชุมด้วยระบบวิดิโอคอนเฟอร์เร้นซ์ 

เมื่อถามว่า เจ้ากรมฯ คนอื่นอาจติดเชื้อด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามี แต่อย่าไปเอ่ยชื่อใคร เพราะตอนนี้ก็อยู่ในระยะกักตัว  แต่ยืนยันกองทัพบกไม่ปกปิดข้อมูล และทุกอย่างอยู่ในระบบ ผบ.ทบ.ย้ำว่า ถ้าใครอยู่ในข่ายไปตรวจฯแล้วไม่กักตัวเองถือว่าขัดคำสั่งมีความผิดทางวินัย สำหรับ ครัวหลวงหรือห้องอาหารรวมสวัสดิการทหารบก ในกองบัญชาการกองทัพบกนั้น ก็ต้องกระจายวงให้ห่างในระยะที่ปลอดภัย ไม่ให้มานั่งรวมกันเป็น กลุ่ม

ด้านพ.อ.ราม รังสินธุ์ หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ทหารและชุมชน วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า สำหรับกระบวนการการสอบสวนโรคกองทัพบกได้ดำเนินการตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเราก็จะไปในทุกจุด เพราะการที่จะไม่ให้เกิดการกระจายในสังคมโดยกว้างจะต้องร่วมมือกันแล้วล็อกให้ได้ ตั้งแต่วันที่13 มี.ค. ที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการนับยอดและติดต่อเป็นรายบุคคล ซึ่งก็ต้องระมัดระวังในความเป็นส่วนตัว งานที่เราทำจะเชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีจุดที่สอบสวนโรคร่วมกันคือที่สนามมวยลุมพินี หากมีผู้ป่วยตรวจแล้วมีผลบวก เราก็จะสืบสวนย้อนหลังกลับไปแล้วเข้าไปดำเนินการในลักษณะเดียวกันคือตรวจสอบเบื้องต้นและกักตัว 14 วัน 

เมื่อถามว่า คนที่เข้าไปดูมวยในสนามมวยลุมพินีจะมีโอกาสติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ พ.อ. ราม กล่าวว่า ในกระบวนการการสอบสวนโรคดังกล่าวกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ หลักการก็จะเริ่มค่อยๆเห็นภาพว่ากลุ่มจะไปอยู่บริเวณช่วงไหนของเหตุการณ์ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะให้รายละเอียดอีกครั้ง การที่มีลักษณะของคนจำนวนมากๆเวลามีโรคระบาดในลักษณะนี้จะอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน อยู่บริเวณช่วงใด และตรงจุดไหน การสอบสวนโรคก็จะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ส่วนที่มีการบอกว่ามีการกระจ่ายไป 5,000 คน ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะเป็นแค่วงแคบ และเป็นแค่กลุ่มหนึ่งตรงนั้น 
เมื่อถามว่า กลุ่มบุคคลวีไอพีที่นั่งอยู่บริเวณเดียวกันกับเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกในวันที่ 6 มี.ค. มีโอกาสติดเชื้อได้ใช่หรือไม่ พ.อ.ราม กล่าวว่า ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินการสอบสวนโรคอย่างที่ทางกองทัพบกได้ดำเนินการอยู่เช่นกัน 

เมื่อถามว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามีมาตรการอย่างไรในการดูแลก็มีข้าราชการทหารที่เกษียณอายุราชการเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก และมีความกังวลว่าจะติดเชื้อ พ.อ.ราม กล่าวว่า โรงพยาบาลมีมาตรการของโรงพยาบาลที่เป็นมาตรฐานและให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งเราคิดเรื่องแผนต่างๆเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า กระบวนการการซักถามประวัติ การวัดไข้ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ระบบบริการจากประตูทางเข้าอาจจะลำบากกว่าเดิม แต่ก็เพื่อความปลอดภัยและเป็นมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศเอาไว้ เราก็มีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวดอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมากลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มที่สำคัญที่ต้องปกป้องเราจึงได้มีการฝึกและจัดหาเรื่องอุปกรณ์เพื่อป้องกันอย่างเต็มที่ เนื่องจากต้องมีความพร้อมที่จะปฏิบัติงาน ซึ่งเราได้เตรียมล่วงหน้าตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขและแจ้งเตือนไปยังหน่วยบริการทางการการแพทย์ต่างๆไว้แล้ว ตนขอให้ความมั่นใจกับผู้ที่มาใช้บริการทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าว่าจะได้รับความปลอดภัย และขอให้เชื่อมั่นมาตรการของโรงพยาบาล

เมื่อถามว่า ได้รับรายงานหรือไม่ว่ามีคนในวงการมวยหรือเซียนมวยติดเชื้อแล้วกี่คน พ.อ.ราม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังเข้าไปสอบสวนโรคแบบเดียวกับทหารกำลังเข้าไปสอบสวนเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเท่าที่ตนติดตามการรายงานข่าวและสังเกตพบว่าจะเป็นแค่เพียงกลุ่มๆหนึ่งเท่านั้นที่มีพฤติกรรมใกล้ชิดกัน