- 24 มี.ค. 2563
อธิบดีกรมการแพทย์ ยืนยัน ผู้เสียชีวิตแพร่เชื้อโควิด-19 ต่อไม่ได้
จากกรณีการเสียชีวิตของ นายเอกศิษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ซึ่งรักษาตัวนาน 50 วัน ก่อนจะเสียชีวิตที่สถาบันบำราศนราดูร ที่นับว่าเป็นผู้ป่วยไทยรายที่ 2 ที่สังเวยชีวิตให้กับโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19
ซึ่งต่อมาลูกสาวของผู้เสียชีวิตเล่าว่า คุณพ่อป่วยเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ป่วยด้วยอาการหายใจผิดปกติ มีอาการไอเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต่อมาทางโรงพยาบาลแจ้งว่าพ่อมีอาการปอดอักเสบ เมื่อแจ้งข้อมูลอาชีพคุณพ่อแก่ทางโรงพยาบาล จึงได้รายงานต่อกรมควบคุมโรคและย้ายตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร
กระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.พ. แพทย์แจ้งว่ารักษาจนไม่พบเชื้อโควิด-19 แล้วแต่ปอดเสียหายต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อไป ล่าสุดได้เสียชีวิตลงด้วยอาการปอดล้มเหลว ขณะที่ครอบครัวกำลังเป็นกังวลว่าจะหาวัดที่จะจัดพิธีฌาปนกิจศพ เนื่องจากไม่มีวัดใดยอมจัดพิธีให้หลังจากที่ทราบว่าพ่อของเธอเป็นโควิด-19
ขณะเดียวกันชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เข้ามาแสดงความเสียใจให้กับครอบครัวของเขา แต่กลับมีชาวเน็ตบางรายที่ไม่เข้าใจว่าคุณพ่อของเขารักษาจนเชื้อไวรัสไม่มีแล้ว ได้เข้ามาคอมเม้นต์ว่า “ใครก็ได้ช่วยไปบอกน้องเขาหน่อยห้ามนำศพไปประกอบพิธี ห้ามแตะต้อง ถึงเผาแล้วกระดูกก็ห้ามแตะต้อง เชื้อโรคกระจายได้เชื้อสามารถแพร่กระจายได้ น้องเขากำลังจะเอาศพไปวัดและไปประกอบพิธี โปรดอย่านำไปเพราะเชื้อจากกระชายทันทีมันเป็นเชื้อไวรัสไม่ใช่เชื้อโรคปกติ”
เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ล่าสุด นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ที่ยืนยัน ว่าผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถแพร่เชื้อได้ เนื่องจาก เชื้อได้ตายไปพร้อมกับผู้เสียชีวิตแล้ว และขอให้วัดดำเนินการรับศพผู้เสียชีวิตไปดำเนินการพิธีกรรมทางศาสนา โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีการติดเชื้อแต่อย่างใดโดยเฉพาะรายที่ปรากฏเป็นข่าว ด้วยวัณโรคนั้น เบื้องต้นไม่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 มานานแล้ว
ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อได้มีการป้องกันตัวเอง และยังไม่มีการติดเชื้อจากกรณีนี้เลย