- 02 เม.ย. 2563
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่ชาวไทยกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง ซึ่งขณะนี้ มีผู้ป่วยสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 935,581 ราย มีผู้เสียชีวิต 47,222 ในจำนวนนี้มีผู้รักษาหายแล้ว 194,260 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น.)
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่ชาวไทยกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง ซึ่งขณะนี้ มีผู้ป่วยสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 935,581 ราย มีผู้เสียชีวิต 47,222 ในจำนวนนี้มีผู้รักษาหายแล้ว 194,260 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น.)
โดยสหรัฐอเมริกายังคงครองอันดับหนึ่งของโลกที่มียอดผู้ป่วยสะสมที่ 215,081 ราย รองลงมาคืออิตาลีที่มียอดผู้ป่วยสะสมที่ 110,574 ราย อันดับสามเป็นสเปนอยู่ที่ 104,118 ราย อันดับสี่เป็นจีนที่ 81,554 ราย และอันดับที่ห้าเป็นเยอรมันที่ 77,981 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น.)
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และ โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้แจ้งข้อมูลกลุ่มเสี่ยงว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยรายใหม่ ตรงนี้มีความสำคัญก็คือ กราฟสีฟ้าที่เป็นแท่งคือกรุงเทพฯและนนทบุรี สีแดงคือจังหวัดอื่นๆ ในช่วง 3-4 วันนี้แท่งสีฟ้าที่สูงที่สุดก็ดูเหมือนจะลดลงแต่ว่าก็ยังเป็นหลักที่สูงอยู่กว่าตอนต้นเดือนมีนาคมมากๆ
แต่สีแดงยังทรงตัวอยู่นั่นหมายความว่า ในต่างจังหวัดยังมีตัวเลขเยอะ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ ดูจากการกระจายตัวของผู้ที่ติดเชื้อในต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ซึ่งเช่นเดิมยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ กรุงเทพมหานครคือ 850 ราย ซึ่งตรงนี้ที่มีความสำคัญ คือคนที่เดินทางอยู่ในกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงทั้งสิ้นที่ท่านจะติดเชื้อจากคนเหล่านี้ และคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งคือเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่อยู่ในแวดล้อมของคนเรานี้คือ คูณ 850 เข้าไป ประมาณ 2 เท่าถึง 3 เท่า ที่มีอัตราการแพร่เชื้ออยู่ ที่จะทำให้ตัวเลขมันเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยรายงานว่าคนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากกว่าถึง 3 เท่า เพราะฉะนั้นเราไม่อยากเห็นตัวเลขของคนกรุงเทพฯที่เพิ่มขึ้น คูณ 3 เข้าไปอีก"
ก่อนหน้านั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน กล่าวถึงยอดผู้ป่วยใหม่ ประจำวันที่ 1 เม.ย. ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 120 รายนั้น สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก 51 ราย มาจากสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน กลุ่มที่สอง 39 ราย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยยืนยัน และกลุ่มที่สาม 30 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ จะเห็นว่าปริมาณยังพุ่งขึ้น แม้จะดีกว่าเมื่อวันที่ 30-31 มี.ค. แต่ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะตัวเลขยังเป็นระดับร้อยกว่า ทั้งนี้ ผู้ป่วยใหม่วันนี้อยู่ใน กทม.43 ราย สมุทรปราการ 23 ราย ภูเก็ต 11 ราย และผู้ป่วยสะสมอยู่ใน กทม.850 ราย นนทบุรี 104 ราย
โดยสรุปถือว่ายังกระจุกตัวอยู่ และจากการประเมินผู้ป่วยใน กทม.จะแพร่เชื้อไปยังแวดล้อมได้ 1 ต่อ 3 คน ซึ่งน่ากังวลมากๆ ถ้าไม่อยากให้ตัวเลขทวีคูณทุกคนต้องช่วยกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ตัวเลขที่น่ากังวลคือ แม้ประชาชนจะหยุดเชื้อ เพื่อชาติ ด้วยการอยู่บ้าน แต่ตัวเลขจำนวนการติดเชื้อในบ้านไม่ลดลง จึงต้องเพิ่มมาตรการต่อตัวเอง บ้านไหนมีสมาชิกมากกว่า 1 คนถือว่าเสี่ยง จึงต้องยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างต่อบุคคลในบ้าน 2 เมตร ซึ่งต้องทำทุกวัน
อย่างไรก็ตาม 1 เดือนที่ผ่านมา เรามีการแพร่ระบาดไปยังจังหวัดต่างๆ อยู่ในภาวะวิกฤติจนต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้ประกาศใช้มาได้ยังไม่ถึงสัปดาห์ ตัวเลขยังไม่สะท้อนมาตรการดังกล่าว สิ่งที่จะสะท้อนคือตัวเลขในปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า เชื่อว่ามันน่าจะลดลง แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น จึงต้องเข้มข้นยิ่งกว่านี้ เป้าหมายความร่วมมือจากประชาชนต้องมากกว่า 90%