- 10 เม.ย. 2563
ภายหลังจาก พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. แถลงผลการดำเนินการจับกุมขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย นำขายเก็งกำไร โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเมืองรวมอยู่ด้วย
ภายหลังจาก พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. แถลงผลการดำเนินการจับกุมขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย นำขายเก็งกำไร โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเมืองรวมอยู่ด้วย
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : แกะรอยขบวนการมืด !! เปิดไทม์ไลน์ ตร.ย้อนศรจับ พันธ์ยศ ปธ.ยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ซ่อนเงื่อนฉาวผุดบริษัทเถื่อน ค้าหน้ากากฟันกำไร )
กระทั่ง แอดมินเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ซึ่งหยุดโพสต์ข้อความไประยะหนึ่ง ได้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยการโพสต์ข้อความ ว่า “งานเข้ากูเฉยจ้า เห็นข่าวไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บอกว่าวันนี้พลตำรวจตรีปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ตำรวจกำลังเร่งสืบหาตัวตนเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” หลังแชร์คลิปการไลฟ์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ของเสี่ยบอย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายความผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ!!!! (กูไปแชร์มันตอนไหน มีแต่แคปสิ่งที่มันโพสต์มาลงในความคิดเห็น สิ่งที่ตำรวจพูดนี่เข้าข่ายเฟคนิวส์นะ)
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : แหม่มโพธิ์ดำปรี๊ดแตก งานเข้าแรงโดนบิ๊กตร. เร่งสืบค้นเป็นใคร เอาผิดโพสต์ข้อมูลเท็จ )
ล่าสุด พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกตร. ได้ให้สัมภาษณ์กรณีการติดตามแอดมินเพจ แหม่ม โพธิ์ดำ มาสอบปากคำในประเด็น การนำเข้ามูลอันเป็นเท็จ จนทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการจับกุม นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ซึ่งมีหลักฐานเชื่อมโยง กับ นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ เสี่ยบอย และ นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร ในลักษณะการร่วมขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย เพื่อขายเกินราคาควบคุม
กอรปกับมีผู้เข้าร้องทุกข์ ว่าได้รับความเสียหายจากการโพสต์ข้อมูลของแอดมินเพจ แหม่ม โพธิ์ดำ เหล่านี้จึงเป็นเพียงขั้นตอน ที่จะได้มีการติดตามตัวผู้ถูกร้อง เพื่อนำรายละเอียดทั้งหมดมาพิจารณาข้อเท็จริง ว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้มีข้อกฎหมายอยู่แล้วว่า ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิด พนักงานสอบสวน ก็จะไม่มีการฟ้องตามข้อกล่าวหาอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่แอดมินเพจ แหม่ม โพธิ์ดำ ยืนยันว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง จึงจะไม่เข้าพบให้ข้อมูลพนักงานสอบสวน พล.ต.ท.ปิยะ ระบุว่า ต้องยอมรับว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับมาทางโซเชียล ต้องถือว่าเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก แต่กรณีนี้เมื่อมีผู้อ้างเป็นผู้เสียหายแจ้งความเอาผิด ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยการให้สิทธิ์ของผู้ถูกร้องเข้าชี้แจงเพื่อต่อสู้คดีกันไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ
"สำหรับผมคิดว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ทำต่อไป แยกเป็นส่วนๆไปให้ชัดเจน อะไรที่คิดว่าทำดีอยู่แล้ว รวมถึงต้องย้ำว่าทุกเรื่องที่มีการร้องเอาผิด ไม่ใช่ว่าผู้ถูกร้องจะต้องเป็นผู้ผิด ซึ่งกรณีของแหม่ม โพธิ์ดำ ก็เช่นกัน ยังอยู่ในขั้นตอนเพียงแค่ว่า หาที่อยู่ผู้ถูกร้องเพื่อแจ้งให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเท่านั้น จึงขอให้ใจเย็น ๆ นี่เป็นขั้นตอนของการสอบสวนปกติจริงๆ
ทั้งนี้ นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกถึงหัวหน้าพรรคภราดรภาพ และสมาชิกทุกท่าน โดยมีเนื้อหาว่า “ตามที่ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวของข้าพเจ้าในสื่อต่างๆว่ามีส่วนพัวพันในคดีเรื่องของการกักตุนหน้ากากอนามัย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค (บก.บคบ.)ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากในเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ
และติดตามอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเรื่องดังกล่าวยังต้องมีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าในข้อเท็จจริงตามกระบวนการทางกฎหมายในชั้นอัยการและชั้นศาล ซึ่งอาจจะทำให้การปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ได้รับมอบหมายในเรื่องการดูแลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของพรรค มีประสิทธิภาพที่ลดน้อยลง รวมทั้งเหตุการณ์นี้อาจทำให้ชื่อเสียงที่ดีของพรรคภราดรภาพ ต้องมาเสื่อมเสียกับเรื่องส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยไม่มีเหตุอันควร
เพื่อเป็นบรรทัดฐานและธรรมเนียมปฏิบัติที่ดี รวมทั้งต่อความสง่างามของตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ที่หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้แก่ข้าพเจ้าในปัจจุบัน ข้าพเจ้ามีความประสงค์ที่จะขอลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพและสมาชิกของพรรค ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”