- 24 เม.ย. 2563
ชาวบุรีรัมย์เฮ กำหนดวันเตรียมเปิดเมือง
วานนี้ (23 เม.ย.63) เพจเฟซบุ๊ก “ลุงเนวิน” หรือนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ได้โพสต์พร้อมระบะข้อความว่า “คนที่อยู่บุรีรัมย์ทุกคน ออกนอกบ้านต้องพกบัตรประจำตัวประชาชน #ติดสติ๊กเกอร์ Buriram Healthy และใส่หน้ากากอนามัย
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเทศบาล แต่ละพื้นที่ จะนำสติ๊กเกอร์ไปติดให้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป บุคคลที่อาศัยอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์เกิน 14 วัน (โดยไม่มีประวัติเดินทางออกไปต่างจังหวัดใดๆ ทั้งสิ้น ในระยะเวลา 14 วันนี้)
หรือผู้ที่มีใบยืนยันจากห้องตรวจเชื้อว่า พ้นระยะติดต่อของโรคแล้ว ต้องติดสติ๊กเกอร์ Buriram Healthy ที่บัตรประจำตัวประชาชน สติ๊กเกอร์ดังกล่าว ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ ในการเข้าตลาด ร้านค้า หรือสถานที่ชุมชนต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม หากท่านเดินทางออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้าน และตำรวจที่ตั้งค่ายตรวจ จะทำการลอกสติ๊กเกอร์ออกจากบัตรของท่าน และเมื่อเดินทางกลับเข้ามา ท่านจะต้องกักตัวอีก 14 วัน ก่อนที่จะได้รับสติ๊กเกอร์อีกครั้ง”
นอกจากนี้ ในโพสต์ยังระบุใบแถลงข่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลจากการบูรณาการ การทำงานอย่างทุ่มเทและเสียสละของทุกภาคส่วน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 13 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 10 ราย เสียชีวิต 1 ราย เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 2 ราย ทั้งนี้ยังคงมีจำนวนผู้เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค (PU) ที่ยังอยู่ระหว่าง เฝ้าระวัง 39 ราย จากจำนวนสะสมทั้งหมด 324 ราย และมีจำนวนกลุ่มเสี่ยงที่กักตัวที่บ้าน (Home Quarantine) ที่อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง 7,685 ราย จากจำนวนสะสมทั้งหมด 47,123 ราย
จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีมาตรการในการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเข้มข้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2563 เป็นต้นมา ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่อีกเลย ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดสำหรับใช้พิจารณา ยกเลิกมาตรการที่ใช้ควบคุมสถานการณ์อยู่ ทั้ง 6 ข้อ ได้แก่ ความสามารถในการควบคุมการแพร่เชื้อ การมีมาตรการในการค้นหา ตรวจหาเชื้อ กักตัว รักษา และติดตามผู้ติดเชื้อทั้งหมด สามารถลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดในพื้นที่ต่างๆ การมีมาตรการป้องกันในสถานที่ทำงาน โรงเรียน และสถานที่อื่นๆ การจัดการกับความเสี่ยงหลักๆ ได้ และชุมชนมีความตระหนักรู้ เข้าใจ และให้ความร่วมมือปรับตัวให้เข้ากับแนวปฏิบัติใหม่ได้
จังหวัดบุรีรัมย์พิจารณาแล้ว เห็นควรให้มีการผ่อนปรนให้สามารถดำเนินกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงมีมาตรการ "เปิดบ้าน ปิดเมือง" โดยจะเริ่มมาตรการดังกล่าวในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. มาตรการเปิดบ้าน จังหวัดบุรีรัมย์จะอนุญาตให้ เปิดตลาดนัด ถนนคนเดิน เฉพาะอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จและผลิตผลทางการเกษตร รวมถึงการให้เปิดบริการร้านอาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ หรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการรถเร่ ซึ่งจำหน่ายอาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ กลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบกิจการและผู้บริโภคจะต้องสวม
ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (สำหรับบุคคลต่างด้าว) ที่มีเครื่องหมายแสดงการปลอดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (สติ๊กเกอร์) รวมทั้งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวทาง BURIRAM HEALTHY MODEL อย่างเคร่งครัด
2.มาตรการปิดเมือง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังไมให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลับมาแพร่ระบาดอีก จังหวัดบุรีรัมย์จึงต้องมีมาตรการปิดเมือง โดยบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปที่พักอาศัยอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะภูลำเนาอยู่ที่ใดก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นตันไป รวมถึงบุคคลที่ได้กักกันเฝ้าระวังจนครบ 14 วัน หรือผลตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการว่าพ้นระยะติดต่อของโรคแล้ว จะได้รับเครื่องหมายสติ๊กเกอร์ แสดงการปลอดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) ติดไว้บนบัตร ประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง (สำหรับบุคคลต่างด้าว) ซึ่งจะสามารถดำรงชีวิตในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ตามปกติ แต่หากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบแล้วไม่พบสติ๊กเกอร์ ดังกล่าว บุคคลนั้นจะต้องได้รับการกักตัว ณ สถานที่ และระยะเวลาตามที่ทางจังหวัดบุรีรัมย์กำหนด
ทั้งนี้ในส่วนของบุคคลที่ได้รับสติ๊กเกอร์ดังกล่าวแล้ว และจะเดินทางออกนอกเขตจังหวัดบุรีรัมย์จะถูกเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจดึงสติ๊กเกอร์นั้นออกทันที และเมื่อกลับเข้าจังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้ง บุคคลดังกล่าวจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามแนวทางที่จังหวัดบุรีรัมย์กำหนดต่อไป”