ผบ.ตร. สั่งฟันแล้ว ตร.รีดเงินแม่ค้า ยึดอาหารทะเล สั่งแกะหอยให้กินเป็นกับแกล้ม

ผบ.ตร. สั่งฟันแล้ว ตร.รีดเงินแม่ค้า ยึดอาหารทะเล สั่งแกะหอยให้กินเป็นกับแกล้ม

จากกรณี แม่ค้าขายอาหารทะเลสด มาร้องขอความเป็นธรรม หลังไปรับกุ้ง หอย ปู และปลาทู ในพื้นที่ จ.ตรัง มาขาย แต่เดินทางกลับบ้านไม่ทันช่วงเคอร์ฟิวร์ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมเรียกรับเงิน โดยเหตุเกิดในพื้นที่ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.ผ่านมา

โดยแม่ค้ารายดังกล่าวเล่าว่า  หลังกลับจากรับชื้อกุ้ง ปู หอย และปลาทู มาจาก จ.ตรัง จึงมุ่งหน้าขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นก่อนถูกจับกุมไปโรงพักเมืองพัทลุง เมื่อไปถึงโรงพักตำรวจบอกโดนข้อหาหลายกระทง แต่ขอให้ไปเคลียกับสารวัตร โดยเรียกเงิน 80,000 บาท แต่ตอนนั้นไม่มีเงินจึงขอลดให้เหลือ 40,000 บาท

หลังการต่อรอง สุดท้ายตำรวจขอเงิน 10,000 บาท แต่ตอนนั้นตนไม่มีเงินสด จึงขอยืมจากญาติของสามีได้มา 5,700 บาทแต่ก็ไม่ครบ เจ้าหน้าที่จึงบอกว่าให้ไปเบิกเงินมาจากตู้เอทีเอ็ม ตนจึงบอกไปว่าไม่มีบัตรเอทีเอ็ม ขอโอนเงินทางโทรศัพท์ผ่านบัญชีดาบตำรวจชุดจับกุม แต่เงินไม่ครบจำนวน ทางชุดจับกุมจึงต่อรองโดยขอปู, หอย และกุ้ง ที่อยู่ในรถ ให้คิดเป็นเงิน 4,300 จนครบจำนวน

พร้อมกำชับว่าอย่านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกใคร และเมื่อโอนเงินเสร็จ ตำรวจชุดจับกุมกำลังนั่งกินเหล้ากันอยู่ กลับสั่งให้ตนนั่งแกะหอยนางรมให้พวกเขากินจนหลังเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้าน ทั้งนี้รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากหลังเปิดเผยเรื่องดังกล่าวออกไป เพราะตำรวจชุดจับกุมโทรศัพท์มาขู่คุกคามตน เนื่องจากไม่พอใจที่นำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่
 

ผบ.ตร. สั่งฟันแล้ว ตร.รีดเงินแม่ค้า ยึดอาหารทะเล สั่งแกะหอยให้กินเป็นกับแกล้ม

โดยล่าสุดนั้น ผกก.สภ.เมืองพัทลุง ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ประกอบกับได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ยศดาบตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่อปรากฎอยู่บนสลิปโอนเงิน พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน โดยให้มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง ไม่ให้พบปะกับประชาชน พร้อมรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 3 วัน

โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและรอสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ผู้ที่เกี่ยวข้อง และความผิดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย นำพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

อีกทั้งคงต้องรอให้ต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำผิด ไม่มีการปล่อยไว้ หรือ ให้การช่วยเหลือกันอยู่แล้ว จะดำเนินการทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับรายงานถึงกรณีดังกล่าวแล้ว และได้กำชับให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผลการตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิด ใช้อำนาจหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ หากินบนความเดือดร้อนของผู้อื่น และเป็นการซ้ำเติมประชาชน ให้ต้นสังกัดดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับตำรวจที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ประชาชนในภาพรวมของประเทศได้รับผลกระทบทุกพื้นที่

พร้อมกันนี้ได้กำชับและมีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537

ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอดไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี