หมอรามาฯ ปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ น้องจีโอ้ เพื่อรักษาธาลัสซีเมียของ น้องจีน พี่สาว ได้สำเร็จแล้ว

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ กลายเป็นเรื่องราวที่ใครหลายๆ คนต่างพากันเอาใจช่วย เมื่อได้ทราบเรื่องราวการเจ็บป่วยสองพี่น้อง น้องจีนนี่ วัย 7 ขวบ และ น้องจีโอ้ วัย 4 ขวบ ได้กลายเป็นกระแสไวรัลบนสังคมออนไลน์ และทุกคนต่างส่งกำลังไปให้ทั้งสอง เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปให้ได้ โดยน้องจีนนี่ต้องเข้ารับการรักษาโรคธาลัสซีเมีย และจำเป็นต้องได้รับการบริจาคสเต็มเซลล์จากน้องจีโอ้ ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่รอดชีวิต

แต่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่า และเหมือนฟ้าผ่ากลางใจพ่อแม่ก็คือ ในวันที่น้องชายตัวน้อยเตรียมตัวบริจาคสเต็มเซลล์ให้กับพี่สาวที่ป่วยหนัก หมอกลับตรวจพบว่าเขาป่วยติดเชื้อไวรัสที่กำลังระบาดในขณะนี้ 

อ่านข่าว - หนุ่มน้อยวัย 4 ขวบ ตั้งใจจะบริจาคสเต็มเซลล์ ช่วยชีวิตพี่สาว แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำ หมอกลับตรวจพบป่วยโควิด
 

ล่าสุด มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมด้วย คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวความสำเร็จ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์อย่างเร่งด่วนเคสแรกของโลก ในช่วงวิกฤต จากน้องจีโอ้ ผู้บริจาคไขกระดูก ที่ปัจจุบันอายุ 5 ขวบแล้ว ในฐานะผู้ติดเชื้อ เพื่อรักษาน้องจีน พี่สาว ซึ่งตอกย้ำความเป็นเลิศทางการแพทย์และก้าวสำคัญของรามาธิบดี

โดย ศ. นพ.สุรเดช หงส์อิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดในเด็ก อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การรักษาน้องจีน ถือว่าเป็นเคสพิเศษ เพราะรักษาในช่วงไวรัส ดังนั้น คณะแพทย์ต้องแข่งกับเวลา เนื่องจากน้องจีนได้เข้ากระบวนการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการรับเคมีบำบัดหรือคีโม ครบเรียบร้อยในวันที่ 7 เมษายน ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำและเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ในเวลานั้น

เคสนี้จึงท้าทายและซับซ้อนมาก เพราะในวันที่ต้องเก็บสเต็มเซลล์น้องจีโอ้ กลับตรวจพบว่าติดเชื้อ ทำให้ต้องอยู่ในฐานะผู้ป่วยอีกคน ทั้ง 2 คนอายุยังน้อย ทุกขั้นตอนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การเก็บสเต็มเซลล์จากไขกระดูกจึงมีความเสี่ยงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของสเต็มเซลล์ที่จะมีเชื้อไวรัสที่กำลังระบาดในขณะนี้  รวมถึงขั้นตอนการปลูกถ่าย

ด้าน รศ. นพ.อุษณรัสมิ์ อนุรัฐพันธ์ แพทย์ผู้ดำเนินการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด อาจารย์สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า โรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคโลหิตจางทางพันธุกรรม คนไทยมีพาหะของโรค หรือสามารถเพาะโรคได้ประมาณร้อยละ 40 และมีผู้ป่วยโรคนี้ถึงขั้นรุนแรง และต้องรักษาเพิ่มเติมประมาณ 1 แสนราย เป็นกลุ่มที่สามารถรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากไขกระดูกของบุคคลอื่น

โดยทั้งผู้ให้และผู้รับต้องมีความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อโดยสมบูรณ์ 100% สำหรับเคสน้องจีน ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการจะหาสเต็มเซลล์ที่เข้ากันได้ในผู้บริจาคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางพันธุกรรมมีน้อยมาก คิดเป็นอัตราส่วน 1 ใน 20,000-50,000 ราย ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนการตัดต่อยีนไม่สามารถทำได้ ดังนั้น สเต็มเซลล์ของน้องจีโอ้ จึงเป็นความหวังเดียว

เมื่อตรวจน้องจีโอ้ด้วยวิธี RT-PCR ผลออกมาเป็นบวก ทั้งที่วันต่อมาต้องปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ให้น้องจีน ซึ่งได้รับยาเคมีบำบัดขนาดสูงไปแล้ว อาจจะทำให้เกิดไขกระดูกฝ่อ และเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จึงมีการประชุมกับทีมแพทย์ทันทีกว่า 4 ชั่วโมง มติคือต้องปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากน้องจีโอ้ตามแผน แต่ต้องย้ายน้องจีโอ้ไปกักโรค และรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ ศูนย์ดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส

จากนั้นทีมแพทย์ได้ดำเนินการผ่าตัดเจาะไขกระดูกกว่า 1 ชั่วโมง และนำกลับมาตรวจอีกครั้ง เพราะคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัส จะติดเชื้อในกระแสเลือดร้อยละ 10 ซึ่งผลออกมาพบว่าไขกระดูกไม่มีการติดเชื้อ จากนั้นจึงตรวจเช็กระยะกว่า 10 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้ ไม่เพียงเป็นความน่ายินดีที่เราสามารถช่วยชีวิตคู่พี่น้องได้อย่างปลอดภัย แต่นี่ยังถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการรักษาผู้ป่วยที่น่าภาคภูมิใจของการแพทย์ไทยอีกด้วย

ขณะที่พ่อของเด็กทั้งคู่เล่าว่า น้องจีนมีแนวโน้มป่วยเป็นธาลัสซีเมียตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ ที่ผ่านมาน้องจีนเข้ารับการรักษาและอยู่ภายใต้การดูแลของหมอโรงพยาบาลรามาธิบดี จนปลายปี 2561 ครอบครัวได้รับข่าวดี เนื้อเยื่อของน้องจีนและน้องจีโอ้เข้ากันได้ ครอบครัวจึงตัดสินใจให้น้องจีนเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์อย่างไม่ลังเล โดยน้องจีนได้รับคิวผ่าตัดในเดือนเมษายน 2563 กระทั่งทราบว่าภรรยาและน้องจีโอ้ ติดเชื้อไวรัส ทุกคนจำเป็นต้องแยกจากกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด

ทั้งนี้ ทีมแพทย์เข้ามาพูดคุยและให้ความเชื่อมั่นว่าการผ่าตัดมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่า ทำให้ความหวังที่รอคอยมานานเป็นจริง ซึ่งในตอนนี้น้องจีโอ้และภรรยาก็หายป่วยจากเชื้อไวรัสแล้ว ส่วนน้องจีนอยู่ในช่วงการฟื้นฟู เราทุกคนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าอีกครั้ง