กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเพจเฟซบุ๊ก หมายข่าวจันทบุรี ได้แจ้งข่าวว่า "ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ลาออกจากราชการเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มีผล 1 กรกฎาคม 2563 กำหนดจำพรรษาวัดเขาสอยดาวเหนือ ( ธรรมยุติ )

กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเพจเฟซบุ๊ก หมายข่าวจันทบุรี ได้แจ้งข่าวว่า "ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ลาออกจากราชการเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มีผล 1 กรกฎาคม 2563 กำหนดจำพรรษาวัดเขาสอยดาวเหนือ ( ธรรมยุติ )

นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยความในใจ ต่อที่ประชุม คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี ในการประชุมสรุปผลการดำเนินงานของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด แบบที่ทุกคนไม่รู้ตัวล่วงหน้า ว่าตนเองได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้ที่ทราบข่าวต่างไม่คาดฝัน ทั้งๆ ที่เหลือเวลาทำงาน 3 เดือนก่อนเกษียณอายุราชการในปีนี้ 

 

วิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี ขอลาออกราชการ  ตั้งจิตอุปสมบทเป็นภิกษุสงฆ์ ในบวรพุทธศาสนา

 

และผู้ที่รู้หลายคนก็บอกว่าการลาบวชขณะรับราชการสามารถขอลาได้ตามสิทธิ แต่นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีกล่าวว่าเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทนตนที่รับราชการมารวม 36 ปี ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี 4 ปี 3 เดือนเป็นลำดับที่ 42 ของทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และไม่อยากพะว้าพะวงกับเรื่องของงานที่ตั้งใจไว้ว่าจะปล่อยวาง และชีวิตก็ราบรื่นมีความสุขเสมอมา ไม่อยากมีงานที่ติดค้าง จึงขอลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการด้วยความสบายใจและไม่มีอะไรกดดัน และตั้งใจเข้าศึกษาพระธรรมวินัยด้วยการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา 


เบื้องต้นกำหนดบวชอย่างเรียบง่ายที่วัดบวรนิเวศวิหาร( พระอารามหลวง ) กรุงเทพมหานครโดยได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เป็นพระอุปชา หลังจากนั้นจะเดินทางมาจำพรรษาที่วัดเขาสอยดาวเหนือ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยตามที่ได้มุ่งมั่นปรารถนา และเป็นวัดฝ่ายธรรมยุติ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวดังเมื่อครั้ง เจ้าหน้าที่เคยทำหนังสือผิดพลาดในเรื่องคำสั่งการเตรียมพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรี ประชุม ครม.สัญจร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายวิทูรัช ศรีนาม ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการยื่นหนังสือลาออกเมื่อช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2561 ไปแล้ว ครั้งหนึ่ง 

 

วิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี ขอลาออกราชการ  ตั้งจิตอุปสมบทเป็นภิกษุสงฆ์ ในบวรพุทธศาสนา

 


แต่ทางกระทรวงมหาดไทยเห็นว่าเป็นความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจ จึงขอให้รับราชการต่อจึงไม่ได้ลาออก แต่ครั้งนี้เป็นความตั้งใจที่จะได้บวชทดแทนบุญคุณบุพการี บิดา – มารดา และบรรพบุรุษตามประเพณีไทย และหากรอเกษียณอายุราชการจะไม่ทันเข้าพรรษาในปีนี้ เบื้องต้นได้เตรียมลาออกจากราชการตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องอยู่บัญชาการสถานการณ์และเกรงจะเป็นภาระของคนอื่น 


ที่ผ่านมาตลอดชีวิตยังไม่เคยบวชเรียนเลย และการทำงานที่ผ่านมาถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่การงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการ และประชาชนที่รู้จัก ไม่ถือยศ อำนาจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนเป็นที่ตั้งภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย เป็นแบบอย่างของข้าราชการไทยยุคใหม่ และภายหลังจากที่นายวิทูรัช ศรีนาม ลาออกจากราชการแล้วซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2563 นายพงษ์พัฒน์ วงศ์ตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี จะ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อจนเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563


พอข่าวการลาออกจากราชการเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ของผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กระจายออกไป หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชนหลายคนที่ทราบข่าวต่างปลาบปลื้มและร่วมอนุโมทนาในความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวของ นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีที่ยอมสละตำแหน่งหน้าที่การงานที่สำคัญ อย่างไม่ยึดติด และคิดว่าพระพุทธศาสนาจะได้มี พระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่สังคมไทยไปอีกนานเมื่อมีโอกาส จะได้กราบไหว้ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา ได้อย่างสนิทใจ"

 

 

วิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี ขอลาออกราชการ  ตั้งจิตอุปสมบทเป็นภิกษุสงฆ์ ในบวรพุทธศาสนา