- 13 ก.ค. 2563
แม่น้องชมพู่ เปิดใจ กลัว “สะดิ้ง” ได้รับอันตราย หลังความจริงเปิดเผยว่าวันที่ “น้องชมพู่” หายตัวไป “น้องสะดิ้ง” ซึ่งอยู่ด้วยเป็นคนสุดท้าย และไม่ได้นอนหลับอยู่ตามที่อ้าง ล่าสุดแม้ของ “น้องชมพู่” เผย ไม่กล้าปล่อยลูกสาวคนโตไว้ตามลำพัง เพราะกลัวว่าคนร้ายจะมาทำร้ายลูก
แม่น้องชมพู่ เปิดใจ กลัว “สะดิ้ง” ได้รับอันตราย หลังความจริงเปิดเผยว่าวันที่ “น้องชมพู่” หายตัวไป “น้องสะดิ้ง” ซึ่งอยู่ด้วยเป็นคนสุดท้าย และไม่ได้นอนหลับอยู่ตามที่อ้าง ล่าสุดแม้ของ “น้องชมพู่” เผย ไม่กล้าปล่อยลูกสาวคนโตไว้ตามลำพัง เพราะกลัวว่าคนร้ายจะมาทำร้ายลูก
แม่น้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้กังวลว่า น้องสะดิ้ง ลูกสาวคนโตจะได้รับอันตราย หลังความจริงปรากฏว่า วันที่น้องชมพู่หายตัวไป น้องสะดิ้งไม่ได้นอนหลับ ตามที่ก่อนหน้านี้ แม่ของน้องชมพู่ ให้น้องสะดิ้ง พูดกับทุกคนว่าตัวเองนอนหลับ โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย โดยถามแม่ของน้องชมพู่ ว่า หากท้ายที่สุด ตำรวจสรุปว่า น้องชมพู่เดินขึ้นไปบนภูแล้วเสียชีวิตเอง แม่ของน้องชมพู่จะเชื่อหรือไม่ ประเด็นนี้แม่ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับว่า คนอื่น ๆ เชื่อหรือไม่
จากกรณี น้องชมพู่ เสียชีวิตปริศนา บนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพัก 2 กิโลเมตร ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีการออกหมายจับคนร้าย ขณะที่คนในครอบครัวของน้องชมพู่ ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งเป็นคนในครอบครัวกันเอง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ด้าน นพ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่คนแรก เปิดเผยผลชันสูตรศพอย่างละเอียด กับที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯของรัฐสภา
โดยระบุว่า ได้ทำการชันสูตรศพเมื่อเวลาบ่าย 14.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. 63 ยืนยันสภาพศพภายนอกมีเพียงร่องรอยขีดข่วนที่อาจเกิดจากกิ่งไม้ ซึ่งรอยขูดขีดจะกระจายเป็นกลุ่ม ๆ พบมากที่สุดบริเวณแผ่นหลัง เหนือข้อเท้าด้านซ้าย ซึ่งเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิต ส่วนอวัยวะภายใน มีหลายส่วนเริ่มเน่าจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าสมองและปอดไม่พบความผิดปกติที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย มีเพียงการเน่า กระโหลกศีรษะไม่พบการแตกร้าว คอไม่หัก ไม่มีรอยฟกช้ำ กระเพาะอาหารไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่ มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตร อวัยวะเพศไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด ซึ่งหากไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย มีความเป็นไปได้กรณีเด็กพลัดหลงป่าจนขาดอาหาร ขาดน้ำจนเสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 13 ก.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ มีการตั้งสมมติฐานไว้ 3 ประเด็น หากผลชันสูตรศพน้องชมพู่ระบุว่าเป็นการเสียชีวิตเองจริง คือ
-น้องชมพู่อาจเดินหลงป่า และขึ้นไปเสียชีวิตเองด้านบน เพราะในวันที่น้องหายไปอุณหภูมิวันนั้นคือ 42 องศา ซึ่งถือว่าร้อนมาก
-มีคนพาน้องชมพู่เดินขึ้นไป และอาจะทำให้น้องเสียชีวิตเองเพราะขาดอาหารและน้ำ
-น้องชมพู่อาจจะเสียชีวิตเองด้านล่างเขา และมีคนนำศพขึ้นไปไว้เพื่อทำการอำพรางคดี และมีการจัดฉาก
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากผลแพทย์พบความเป็นได้ในระยะเวลาการเสียชีวิตของน้องชมพู่ คือ เวลาที่เร็วสุดเวลา 14.30 นาที ของวันที่ 12 พ.ค. และช้าสุดเวลา 14.30 นาที ของวันที่ 13 พ.ค. อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและผลการชันสูตรศพอย่างละเอียด โดยยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง