สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เผยข่าวดี ผู้กู้ กยศ. ที่เป็นสาวจังหวัดเเพร่ ได้บ้านทรงไทยคืนหลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือและตกลงกันได้ด้วยดี

จากกรณีการติดหนี้กยศ.จนโดนยึดบ้านไม้ทรงไทยมูลค่ากว่า2ล้านบาท โดยพี่สาวของผู้กู้ยืมเงินกองทุน ได้ร้องเรียนผ่านสื่อต่างๆ ว่าถูกสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ประกาศขายทอด ตลาดทรัพย์ โดยเป็นหนี้ กยศ. เพียง 17,000 กว่าบาท แต่กลับถูกบังคับคดียึดบ้านในราคา 2 ล้านกว่าบาท ไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ ล่าสุดได้มีข่าวดีออกมาเเล้ว เมื่อหลายฝ่ายยื่นมือช่วยเหลือ จนผู้ร้องทุกข์ได้รับบ้านทรงไทยคืน 


 ก่อนหน้านี้ทาง นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “จากกรณีที่มี พี่สาวของผู้กู้ยืมเงินกองทุน ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ประกาศขายทอด ตลาดทรัพย์ โดยเป็นหนี้ กยศ. เพียง 17,000 กว่าบาท แต่กลับถูกบังคับคดียึดบ้านในราคา 2 ล้านกว่าบาท ไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ นั้น

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

กองทุนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้น จำนวน 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดี จากการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้แต่ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 2561

 

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่ ต่อมาในช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้เพียงบางส่วน และไม่ได้ติดต่อกองทุนเพื่อทำบันทึกข้อตกลงงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมหรือ ผู้ค้ำประกันมาติดต่อก็สามารถของดการขายทรัพย์และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี ต่อมาสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ได้ดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยขายแบบติดจำนอง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และมีบุคคลภายนอกซื้อได้ในราคา 30,000 บาท โดยการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

 

กองทุนขอชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีการบังคับคดี กองทุนพยายามที่จะติดต่อกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนการติดตามหนี้มาโดยตลอด จนในที่สุด กองทุนมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันก่อนที่คดีจะขาดอายุความ

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายนี้ กองทุนก็ได้ประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ค้ำประกันในราคาซื้อ

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

 

ทั้งนี้ กองทุนขอฝากถึงผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ถูกบังคับคดี ขอให้มาติดต่อที่กองทุน เพื่อจะได้โอกาสในการผ่อนชำระได้อีกไม่เกิน 6 ปี และขอฝากเรื่องการค้ำประกันการกู้ยืมใดๆ ขอให้ผู้ค้ำประกันตระหนักว่า จะเป็นภาระผูกพันทางกฎหมาย โดยขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้อง จนเดือดร้อนถึงผู้ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบิดามารดาและญาติๆ และกองทุนขอให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่ทุกท่านตระหนักถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

  ล่าสุดนั้นทางเพจ  กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้โพสต์ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว...

ผู้กู้ กยศ. ยิ้มออก
ได้บ้านทรงไทยคืน
หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ
และตกลงกันได้ด้วยดี

พร้อมทั้งฝากเตือนน้องๆ ที่กู้ กยศ.
"อย่าประมาท อย่าคิดว่าไม่จ่ายก็ได้
และหากค้างชำระ
ควรติดตามสอบถามทาง กยศ.อย่างต่อเนื่อง
ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดขึ้นนี้ได้"

 

สาวเเพร่ลูกหนี้กยศ. โดนยึดบ้านทรงไทย ได้รับข่าวดี หลังหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เคลียร์กันได้ลงตัว

 

ซึ่งฝั่งของสาวชาวเเพร่ผู้กู้ยืมเงินกยศ.คือ  น.ส.สมหมาย วงศ์ตะวัน ได้มายังสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จังหวัดแพร่ เพื่อเจรจราไกล่เกลี่ยกับทางคู่กรณี ซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทผู้ประมูลทรัพย์ได้ รับมอบอำนาจมาเจรจา จำนวน 2 คน โดยมี นายภาณุ ขวัญยืน อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ผลการไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จ  โดยน.ส.สมหมาย ยินยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท และต้องชดใช้เงินกู้ กยศ. พร้อมกับค่าธรรมเนียมต่างๆ เเละไปดำเนินการต่อยังกรมบังคับคดีจังหวัดแพร่ เพื่อไปเขียนคำแถลงยกเลิกการประมูลทรัพย์ ต่อไป

 

ขอบคุณ
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา