- 20 ก.ค. 2563
จากกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่หมู่บ้านกกกอก ด้าน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผย ต่อกรณีข้อสมมติฐานการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่เมื่อ 1 เดือนที่แล้วตนได้ออกมาระบุว่า น้องชมพู่อาจจะเดินหลงเข้าไปในป่าและเสียชีวิตว่า จนถึงตอนนี้ที่คดีสืบสวนสอบสวนมา 60 กว่าวันแล้วนั้น
จากกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่หมู่บ้านกกกอก ด้าน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผย ต่อกรณีข้อสมมติฐานการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่เมื่อ 1 เดือนที่แล้วตนได้ออกมาระบุว่า น้องชมพู่อาจจะเดินหลงเข้าไปในป่าและเสียชีวิตว่า จนถึงตอนนี้ที่คดีสืบสวนสอบสวนมา 60 กว่าวันแล้วนั้น
เรียกได้ว่าเวลาผ่านไป 2 เดือน น่าจะเหลือตัวละครไม่กี่คนในคดีนี้ แต่ที่ผ่านมาได้ทำให้คนในพื้นที่บ้านกกกอด หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อยู่ไม่เป็นสุขเกรงว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับการตั้งข้อสงสัยของเหล่านักสืบโคนันชาวเน็ต ในการปะติดปะต่อเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น
แต่คนในพื้นที่ ทั้งพ่อแม่และญาติน้องชมพู่ ไม่เชื่อว่าน้องจะเดินหลงป่าไปเสียชีวิตเอง เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ทีมข่าวได้สำรวจเส้นทางขึ้นภูเหล็กไฟ พบว่า เป็นเส้นทางที่ไม่ลาดชัน สามารถเดินไปที่จุดพบศพน้องชมพู่ได้ โดยเส้นทางนี้ต้องเดินเข้าทางลานโคกเพียง บ้านกกตูม หมู่บ้านใกล้ๆ กับบ้านกกกอก
นายเด่น เชื้อคมตา นายพรานบ้านกกตูม ซึ่งชำนาญการเดินขึ้นภูและหาของป่ามากว่า 30 ปี พาทีมข่าวไปสำรวจจุดที่สามารถขึ้นไปยังภูเหล็กไฟที่พบศพน้องชมพู่ได้ โดยเดินขึ้นทางลานโคกเพียง และเส้นทางนี้ไม่ลาดชัน มีโขดหินน้อย ตลอดเส้นทางพบ ขี้วัวขี้ควาย และการเขี่ยดินของไก่ป่า
เส้นทางนี้มีระยะทางประมาณ 2.2 - 2.5 กิโลเมตร หากเทียบกับทางสวนยางหลังบ้านน้องชมพู่เส้นทางนั้นมีระยะเพียง 1.7 กิโลเมตร ขณะที่ทางลงก็พบว่า สามารถเดินมาทะลุป่าสวนยาง และบนถนนใหญ่ ใกล้กับบ้านพ่อแบม และบ้านลุงพล ชาวบ้านบ้านกกกอกได้
ประกอบกับช่วงเวลาที่น้องหายตัวไป ก็มีชาวบ้านได้ยินเสียงคล้ายคนวิ่งและเดินบริเวณป่าสวนยางนี้ จนทำให้หมาเห่าเสียงดังแต่ไม่มีใครออกมาดูเพราะดึกมาก และใกล้กับป่าสวนยางนี้ก็มีกระต๊อบของชาวบ้านในสวนยางนี้อยู่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครแสดงตัวว่ากระต๊อบนี้เป็นของเจ้าของสวนยาง หรือของชาวบ้านที่มาอาศัยในสวนยางนี้
พรานเด่น บอกว่า จากเส้นทางที่ไปจุดพบศพน้อง มีหลายทางแต่เชื่อว่าเด็กเดินขึ้นภูมาเองได้ แต่วันที่น้องหาย ช่วงนั้นอากาศร้อนจัด และน้องไม่ได้กินน้ำ ถ้าหากจะเสียชีวิตไม่น่าจะเสียชีวิตยังจุดที่พบศพ และถ้าหาก มีคนพาน้องขึ้นไปจนเสียชีวิต หรือตั้งใจฆ่าน้อง ไม่น่าจะพาไปสูงขนาดนั้น ส่วนที่ชาวบ้านตามหาน้องไม่เจอทั้งๆ ที่พากันขึ้นภู ส่วนหนึ่งก็เชื่อหมอธรรม ที่บอกว่า น้องอยู่จุดอื่นไม่ได้ขึ้นภู ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเดินใกล้ถึงจุดพบศพแล้ว แต่ก็ต้องถอยกลับไปเพราะเชื่อในความคิดเห็นของหมอธรรม
นอกจากนี้ พรานเด่น ยังเปิดเผยกรณีกระแสข่าวว่า ช่วงน้องชมพู่หายมีการลือว่า มีนายพรานได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ในภูนั้น คนที่ได้ยินไม่ได้ออกไปตามหาน้องหรือหาของป่า แต่นอนอยู่บ้าน และโทรมาบอกชาวบ้านที่ตามหา ซึ่งกลุ่มนายพรานพวกตนออกหาของป่า ไม่มีใครได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ และถ้ามีการร้องไห้ในภู บางครั้งก็ไม่ได้ยินเสียง
ส่วนของแม่น้องชมพู่และญาติ ยังเชื่อว่า แม้จะมีเส้นทางใหม่หรือจุดใด น้องชมพู่ก็ไม่สามารถเดินไปเองได้ขนาดนั้น หากจะเดินหลงป่าจริงคงแค่ใกล้ๆ บ้านน้องก็ร้องไห้แล้ว แต่นี่น้องไปไกลมาก และไม่พบบาดแผลที่เท้าหรือรอยพุพอง เพราะน้องใส่รองเท้าแตะ ซึ่งหากเดินไปไกลขนาดนั้นสภาพเท้าต้องไม่เป็นเช่นนี้ รวมทั้งรองเท้าน้องด้วย และเสื้อที่หายไป ผมที่โดนตัด มีหลายประเด็นที่คาใจ จึงไม่เชื่อน้องจะหลงป่าเอง