- 20 ก.ค. 2563
อัยการ ฟันเปรี้ยง เตรียมเอาเรื่อง แก้งโจ๋ต่อยหมอ-พยาบาล
จากกรณีอุกอาจเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา วัยรุ่นสำโรงใต้บุกทำร้ายหมอ-พยาบาล ในห้องฉุกเฉิน รพ.วิภารามชัยปราการ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ไม่พอใจที่หมอช่วยเพื่อนที่บาดเจ็บช้า หมอ-พยาบาลต้องวิ่งหนีตายออกจากห้องฉุกเฉิน
โดยล่าสุดในวันนี้ (20/7/2563) ฝ่ายสืบสวนสภ.สำโรงใต้ นำกำลังไปจับกุมวัยรุ่น 11 ราย ผู้ต้องหายกพวกตีกันใน รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า สมุทรปราการ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในซอยวัดมหาวงษ์ ทั้งหมด 11 รายทั้งชายและหญิง โดย 3 ใน 11 ราย เป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ปรากฎในคลิปวงจรปิดในห้องฉุกเฉิน ประกอบด้วย นายภาณุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ลงมือชกต่อยแพทย์หญิงและบุรุษพยาบาล, นายนิพล ก่อเหตุชกต่อยแพทย์หญิง, นายกานต์ ชกต่อยเจ้าหน้าที่ รพ. ภายในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ เป็นผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้
สืบเนื่องจากกรณีดังกล่าวนั้น นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง กรณีเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคนบุกไปทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่หมอและพยาบาล ภายในห้องฉุกเฉิน รพ.วิภารามชัยปราการ จ.สมุทรปราการ สาเหตุ เพราะไม่พอใจที่เข้าใจผิดว่า แพทย์ทำการรักษาเพื่อนที่ถูกคู่อริใช้อาวุธแทงได้รับบาดเจ็บช้า ทำให้เสียชีวิต เวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดความวุ่นวายที่ห้องฉุกเฉิน รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า รวม 2 แห่ง เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่มคืนที่ผ่านมา จากคู่อริกลุ่มเดียวกัน ว่า คดีทำร้ายในห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลที่ผ่านมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอลงอาญามาหลายสำนวนแล้ว
เพราะโรงพยาบาลควรเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุด แต่กลับกระทำต่อบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องร้ายแรง หากใครคิดกระทำอีกขอให้เลิก เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคดีวัยรุ่นเมาในสถานบันเทิงแล้วไปก่อเหตุวุ่นวายในโรงพยาบาล ขอบอกว่า หากอยากกร่างก็ให้สุด แต่ให้ไปหยุดที่เรือนจำ อัยการฟ้องหนักแน่เตรียมก้มหน้ารับกรรมที่ก่อไว้
คดีจำพวกนี้ศาลพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญามาแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2562 ศาลจังหวัดอ่างทองจำคุกวัยรุ่น 9คน ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในสถานบันเทิงจนบาดเจ็บมีผู้นำส่งโรงพยาบาลอ่างทอง แต่คู่กรณียังไม่เลิกตามมาทำร้ายกันในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอ่างทองจนอุปกรณ์ทางการแพทย์เสียหาย คดีนั้นศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือนรับสารภาพเหลือจำคุก 3 เดือน แต่พฤติการณ์ร้ายแรงไม่ยำเกรงกฎหมาย ศาลจึงลงโทษไม่รอลงอาญา
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ย้ำว่า โรงพยาบาลต้องเป็นสถานที่ กู้ชีพฉุกเฉิน ช่วยเหลือผู้ป่วย และปลอดภัยสำหรับทุกฝ่าย พฤติกรรมใหญ่โต ทำทรัพย์สินของราชการเสียหาย ตีทำร้ายในโรงพยาบาล เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจที่สุดที่ผู้ปกครอง พ่อแม่ของวัยรุ่นทั้งหลาย ควรกำชับและดูแลลูก ถ้าคุณไม่อยากเดือดร้อนเพราะลูกที่เกเรของคุณเอง โรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิด จากนี้ไปกล้องและพยานบุคคลต่างๆ จะเป็นหลักฐานเอาผิดกับวัยรุ่นที่กร่างให้สุดจะได้ไปอยู่ที่เรือนจำเหมือนวัยรุ่นที่ก่อเหตุที่ผ่านมาก่อนหน้านี้
อัยการจะพิจารณาบรรยายฟ้องถึงพฤติกรรมที่ท้าทายกฎหมายใหญ่โตไม่เกรงกลัวกฎหมาย ขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก หรือฟ้องขอให้เพิ่มโทษหากมีประวัติเก่ามาแล้ว นอกจากคดีอาญาแล้วยังโดนฟ้องคดีแพ่งเรียกสินไหมทดแทนได้อีก ขอร้องให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ดูแลบุตรหลานของท่านให้เป็นคนดีอย่าเกเร จะได้ไม่ต้องทุกข์เพราะลูกหลานติดคุก จะเสียประวัติ เสียโอกาสในการทำงาน วันนี้คนประวัติดี ยังหางานทำยาก เสียประวัติแล้วโอกาสในสังคมแทบไม่มีเหลือต่อไป ดูแลลูกหลานให้เป็นคนดีกัน” รองโฆษกอัยการฯ กล่าว