- 22 ก.ค. 2563
ลุงพล ทนไม่ไหว โพสต์ข้อความถึงลูกๆ หลังนอนไม่หลับทั้งคืน
จากกรณีการเสียชีวิตปริศนาของ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ เหตุเกิดที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 63 กระทั่งไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาDNAแฝงแต่ผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้
หลังจากนั้นเมื่อลุงพลทราบเรื่องที่แม่น้องชมพู่สงสัยก็เกิดความเสียใจเป็นอย่างมากไม่คิดว่า แม่น้องชมพู่จะคิดแบบนี้กับตน จึงประกาศตัดญาติ เรื่องราวเริ่มบานปลายเพราะต่างฝ่ายๆต่างแฉกันไปมา และเรื่องราวดังกล่าวมีชาวโซเชี่ยลจำนวนมาก เกรงว่าลุงพลจะโดนหมายจับ และเชื่อว่าลุงพลไม่ได้ทำแน่นอน
ต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาไลฟ์สดแสดงความคิดเห็น การตายชมพู่ โดยได้วิเคราะห์จากผลการชันสูตรของทีมแพทย์ น้องชมพู่ถูกทรมานอย่างแสนสาหัส บาดแผลที่เกิดขึ้น เกิดก่อนเสียชีวิตไม่นาน โดนลงโทษเป็นรอยแผลตามแผ่นหลัง ลำตัว และแขนขา น้องชมพู่ไม่ได้หิวข้าว จนเป็นลมแล้วเสียชีวิตอย่างแน่นอน
แผลที่เกิดขึ้น เช่นหญ้าคาบาด จะเป็นแผลเปิด บาดแผลที่เห็นจากศพ เป็นเพราะน้องชมพู่ถูกลงโทษ และต้องไปขยายผลว่า ใครเป็นผู้ที่ตีเด็กจนตาย โดยแผลที่เกิดขึ้นที่ก้นที่ขา เป็นรอยที่น้องถูกตีทรมานเด็ก น้องจึงมีอาการช็อกตาย ตาค้างมือเกร็งอย่างทรมาน อาจเพราะความกลัวสุดขีด ส่วนเลือดตกปลายขา น่าจะมาจากการยืนเสียชีวิต หลังจากการช็อกตาย
พร้อมเผยผ่านคลิป ขอเปิดข้อมูลอีกมิติที่เชื่อว่าไม่เคยมีใครเห็น พร้อมนำภาพถ่ายศพน้องชมพู่และผลทีมแพทย์มาวิเคราะห์ ซึ่งนายอัจฉริยะ เชื่อว่าผลที่เกิดกับน้องชมพู่ มีการทรมานเด็กอย่างสาหัส มีการตีลงโทษ ไม่เชื่อว่าเด็กจะหิวจนเป็นลมและเสียชีวิต
บาดแผลที่เห็นเชื่อว่าเกิดจากการตีก่อนเสียชีวิต ถูกตีอย่างหนัก โดยอ้างผลแพทย์ระบุ พร้อมบอกมีรอยตีที่ก้น ขาและแขน มีการตีทรมานเด็ก สภาพศพพบเสียชีวิตจากการช็อก เบิกตาค้าง เกร็งมือทั้งสองข้าง กำมือแน่น จากการกลัวสุดขีด
โดยถ้านอนตายเลือดจะตกที่แผ่นหลัง แต่เลือดตกปลายขาสองข้าง แสดงว่ามีคนอุ้มหลังเสียชีวิตไม่นาน ไปอำพรางบนเขา ประเด็นที่ชมพู่ตายบนเขา หรือเดินขึ้นไปเขาตัดทิ้งได้เลย เป็นหน้าที่ชุดสืบสวนที่ทำคดีนี้ อยากให้ช่วยกันหาคนผิด สัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปอีสาน เพื่อไปช่วยการคลี่คลายคดีนี้อีกครั้ง
หลังจากนั้น มีชาวบ้านมาพบผ้าสีส้ม ลักษณะคล้ายเสื้อสีส้มแถบขาว บริเวณใต้กอไผ่ใกล้กับสวนยางชาวบ้านกกกอก โดยอยู่ในลักษณะซุกอยู่ใต้ขอนไม้ใกล้กับกอไผ่ นอกจากนี้ยังพบเศษผ้าคล้ายเสื้อสีขาวตกอยู่ใกล้กัน
ทั้งนี้ ทางด้าน นางสาวิตรี และ นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า เสื้อดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเสื้อที่แจกกับรถไถ แต่ไม่แน่ใจว่าของใคร และมีลักษณะเก่าแล้วจน ไม่น่าจะมีใครนำมาซุกซ่อนไว้ แต่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ซึ่งบริเวณนี้ใกล้จุดร่องน้ำ หากฤดูฝนน้ำจะไหลผ่าน แต่ช่วงที่น้องหายคือน้ำแห้ง ไม่รู้ว่าเสื้อนี้มาจากไหน ถ้าหากมีคนมาซุกไว้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ และถือว่านี่คือหลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
ทางด้านแม่ของน้องชมพู่หลังจากประกาศผ่านสื่อว่าสงสัยลุงพล ทำให้ทั้งสองครอบครัวมองหน้ากันไม่ติด และทางด้านสาวิตรี ไม่ยอมพูดคุยหรือปรับความเข้าใจกับลุงพล จนกว่าจะมีการรวบตัวคนทำผิดได้ เนื่องจากว่าช่วงนี้สถานการณ์โควิดก็ซาแล้ว เป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ จะต้องไปโรงเรียน ทั้งส่วนของลู กลุงพลเอง และน้องสะดิ้ง ล่าสุด เฟซบุ๊ก ไชพล วิภา ก็คือเฟซบุ๊กของลุงพล ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า นอนไม่หลับเลย ห่วงความรู้สึกลูกจังที่โรงเรียน