- 23 ก.ค. 2563
ลุงพล เเละป๋าเเต๋น เดินทางไปพบ นายชาญวุธ แสงฤทธิ์ ผอ.โรงเรียนบ้านกกตูม เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่โรงเรียนเกี่ยวกับลูกๆ
กรณีคดีที่กำลังเป็นที่สนใจในสังคมไทย เเละยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องกับการหายตัวไปของ น้องชมพู่ ก่อนจะพบร่างไร้วิญญาณอยู่กลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร เเละได้มีความคืบหน้ากับหลักฐานสำคัญ เมื่อชาวบ้านได้มาพบเสื้อสีส้มและมีแถบขาว บริเวณใต้กอไผ่ติดกับร่องน้ำห้วยบุ่ง ใกล้กับสวนยางชาวบ้าน บ้านกกกอก สภาพมีปลวกขึ้น โดย ตร.สภ.กกตูมเข้าตรวจสอบ สภาพคือผ้าสีส้มนี้ อยู่ในลักษณะ ซุกอยู่ใต้ขอนไม้ ใกล้กับกอไผ่ และใกล้กันยังพบ เศษผ้าคล้ายเสื้อสีขาว ตกอยู่ใกล้กัน
โดยเมื่อวานนี้22ก.ค.63 ทางลุงพล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คของตนเอง ..ไชพล วิภา... เผยว่า นอนไม่หลับเลย...ห่วงความรู้สึกลูกจัง....ที่โรงเรียน เป็นความในใจจากหัวอกคนเป็นพ่อ ที่เป็นห่วงความรู้สึกลูกๆ เนื่องจากคดีเกี่ยวกับน้องชมพู่ยังคงยื้ดเยื้อไม่จบง่ายๆ เเละผู้เป็นพ่อก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย มีตำรวจเเละนักข่าวมาคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
จากโพสต์ดังกล่าวของลุงพล ก็ได้มีบรรดาชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ด้วยข้อความให้กำลังใจ สู้ๆ นะคะ อธิบายให้เด็กๆ เข้าใจ และพูดให้กำลังใจเขาจบเรื่องแล้ว พากันย้ายมาอยู่สกลบ้านเราดีกว่านะคะลุงพล ป้าแต๋น ดูแลบ้านดีๆ อย่าปล่อยบ้านไว้โดยไม่มีคนอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ครอบครัวป้าแต๋นกับลุงพลค่ะ สังคมทุกวันนี้บางทีคนร่วมหมู่บ้านหรือมิตรต่างถิ่นแดนไกลอาจดีหวังดีและรักเรามากกว่าพี่น้องที่คลานตามกันออกมาค่ะ เหมือนคุณแม่ค่ะเพราะว่าทุกวันนี้เหมือนไม่มีพี่น้องเลยค่ะเขาไม่เคยถามข่าวคราวได้แต่อาศัยพี่น้องร่วมหมู่บ้านชุมชนค่ะ สู้ๆนะคะ
สู้ๆนะคะ ทุกๆคนเชื่อว่าลุงพลกับป้าแต๋นเป็นคนดี รวมถึงลูกๆทั้ง 2 คนด้วย ทางโรงเรียนและเพื่อนๆของลูกๆก็ต้องเข้าใจเหมือนกับที่ทุกๆคนเข้าใจว่าพ่อกับแม่เค้าเป็นคนดี #เป็นกำลังใจให้ลุงพลกับป้าแต๋นและลูกๆตลอดไปค่ะ สู้ๆๆนะคะ
เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วคะลุงพล อธิบายกะลูกให้เข้าใจ คนในครอบครัวเข้าใจซึ่งกันและกัน คำพูดคนอื่นไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ สิ่งแรกคือคุยกับลูกๆให้กำลังใจเขาให้เหตุผลเขาจะได้มีแรงสู้กับพ่อแม่สู้ๆค่ะถ้าไม่ไหวก็ย้ายที่อยู่เลยค่ะถามเด็กๆไหวมัยเชื่อใจพ่อแม่มัยนะคะ
ถ้าเหตุการณ์คลี่คลาย ขอให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่สกลนคร หรือที่อื่นที่มันอบอุ่นและปลอดภัย เพราะที่นี่มันไม่ปลอดภัยสำหรับลุงและครอบครัวโดยเฉพาะลูกๆ เราอยู่ที่แจ้งเขาอยู่ที่มืด ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์ที่นี่มันคือนรกดีๆและไม่น่าอยู่อีกต่อไป ความรู้สึกอนาคตลูกสำคัญที่สุด
ด้านนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าเเต๋น ระบุว่าเนื่งจากวานนี้ช่วงกลางคืน น้ำมนต์ ลูกชายคนเล็กพูดให้ตนฟังว่า พ่อน้ำมนต์เป็นคนทำร้ายชมพู่ โดยพูดภาษาอิสานว่า “พ่อมึ*ทำชมพู่บ่” ซึ่งโอมพี่ชายก็พูดว่า ใครพูดต่อยมันเลย ตนก็เตือนลูก ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากนั้นก็นอน
ส่วนตัวมีความกังวลมาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่แม่ชมพู่พูดออกทีวีว่าสงสัยลุงพล ตนคิดว่าวันหนึ่งมันจะมากระทบถึงลูกตน เพราะตนไม่เคยเล่าอะไรให้ลูกฟัง อยากให้เขาอยู่ในโลกของเขา จนมาวันนี้เรื่องนี้มันมาถึงลูกตนจริง ๆ มันทำให้ตนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลูกตนไม่สบายใจ ตนจึงอยากให้พี่น้อง ญาติ ๆ หากจะทำอะไรขอให้นึกถึงหลานบ้าง ตนไม่อยากเอาเรื่องที่ไม่สบายใจมาเข้าหัวลูกมาก ซึ่งทั้งลุงพลเเละป้าแต๋น ก็ได้เดินทางมาที่โรงเรียนบ้านกกตูม เพื่อเข้าพบ นายชาญวุธ แสงฤทธิ์ ผอ.โรงเรียนบ้านกกตูม เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่โพสต์เฟซบุ๊ค
โดยนายชาญวุธ ระบุกับป้าแต๋นว่า ขณะนี้ทางโรงเรียนกำชับครูประจำชั้นให้สังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่มีการเรียกมาพบเป็นการส่วนตัว เนื่องจากกังวลตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับคดีความ กรณีน้องโอม เป็นคนนิ่ง ๆ ตอนแรกเข้าใจว่าจะมีปัญหา เพราะดูซึม ๆ ซึ่งตอนนี้ครูประจำชั้นก็บอกว่าโอมไม่ได้มีอะไรน่ากังวล
ขอบคุณ
ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี
ไชพล วิภา