วิเคราะห์จากปากตำรวจ "คดีน้องชมพู่" เชื่อจัดฉากสุดแยบยล โยงไสยศาสตร์

คดีน้องชมพู่ ยังคงเป็นปริศนารอวันกระชากหน้ากากคนร้าย ทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผู้การแต้ม มือปราบหูดำ และ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญวิทยาฯ ม.รังสิต ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยอีกว่า “จากหลักฐานที่พบในครั้งนี้ จะต้องหาว่าเป็นเส้นขนหรือเส้นผมของใคร ซึ่งสามารถตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อเทียบเคียงกับผู้ต้องสงสัย เพื่อหาตัวคนร้ายได้ ส่วนเส้นผมของน้องชมพู่ที่ถูกตัด ก็จะเกิดคำถามว่า น้องชมพู่สามารถตัดผมเองได้หรือไม่ หากว่าทำไม่ได้ แสดงว่ามีคนตัด

คดีน้องชมพู่ ยังคงเป็นปริศนารอวันกระชากหน้ากากคนร้าย ทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผู้การแต้ม มือปราบหูดำ และ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญวิทยาฯ ม.รังสิต ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยอีกว่า “จากหลักฐานที่พบในครั้งนี้ จะต้องหาว่าเป็นเส้นขนหรือเส้นผมของใคร ซึ่งสามารถตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อเทียบเคียงกับผู้ต้องสงสัย เพื่อหาตัวคนร้ายได้ ส่วนเส้นผมของน้องชมพู่ที่ถูกตัด ก็จะเกิดคำถามว่า น้องชมพู่สามารถตัดผมเองได้หรือไม่ หากว่าทำไม่ได้ แสดงว่ามีคนตัด

 

วิเคราะห์จากปากตำรวจ \"คดีน้องชมพู่\" เชื่อจัดฉากสุดแยบยล โยงไสยศาสตร์

 

ต่อมาต้องหาว่าผมถูกตัดบริเวณที่พบศพ หรือว่าตัดที่อื่น หากตัดบริเวณจุดพบศพก็แสดงว่ามีผู้ที่พาน้องชมพู่ขึ้นไป อีกอย่างคือต้องหาสาเหตุว่าการตัดนั้น ตัดเพื่ออะไร หรืออาจจะเป็นการตัดเพื่อประกอบพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งหลักฐานพวกนี้ก็จะเป็นช่องทางให้ตำรวจไขคดีได้” ด้าน รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวเสริมว่า “ประการแรกต้องหาให้ได้ก่อนว่าผมถูกตัดก่อนหรือหลังเสียชีวิต โดยจะต้องถามผู้ที่พบศพน้องคนแรกว่า น้องถูกตัดผมแล้วหรือยัง หากพบว่าถูกตัดก่อนแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าน้องถูกทำให้เสียชีวิต โดยคนร้ายอาจจะมีความเชื่อว่าเป็นการสะกดวิญญาณ”
 

วิเคราะห์จากปากตำรวจ \"คดีน้องชมพู่\" เชื่อจัดฉากสุดแยบยล โยงไสยศาสตร์

 

ผู้การหูดำเปิดเผยว่า “สมมติว่าน้องชมพู่ถอดเสื้อและกางเกงเองได้ แล้วเสื้อที่ถอดนั้นหายไปไหน ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่พยายามตามหาเสื้อของน้องชมพู่ในบริเวณนั้น แต่ไม่พบ แสดงว่ามีคนหยิบเสื้อไป หากจะสันนิษฐานว่าคนร้ายถอดเสื้อน้องชมพู่ แล้วนำมาสวมมือ เพื่อไม่ให้มีดีเอ็นเอติดขณะที่ถอดกางเกงน้องชมพู่ แล้วเอากางเกงวางไว้ และนำเสื้อหนีไป ซึ่งหากทำแบบดังกล่าวก็จะไม่มีดีเอ็นเอคนร้ายติดอยู่ที่กางเกงน้องชมพู่”

 

วิเคราะห์จากปากตำรวจ \"คดีน้องชมพู่\" เชื่อจัดฉากสุดแยบยล โยงไสยศาสตร์

 

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ ให้ข้อมูลสอดรับกันว่า “หากพ่อแม่ยืนยันว่าน้องถอดกางเกงไม่ได้ แต่ที่เกิดเหตุพบเสื้อผ้าของน้องชมพู่อยู่บริเวณใกล้เคียง แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถ้าหากน้องชมพู่ถอดเสื้อผ้าเองได้ ก็ต้องตรวจสอบว่าทำไมกางเกงถึงกางอยู่ในสภาพนั้น โดยประเด็นที่สำคัญ คือทำไมน้องชมพู่จะต้องถอดกางเกง หากสันนิษฐานว่าน้องชมพู่ต้องการจะปัสสาวะ หรืออุจจาระ ก็จะต้องดูว่าบริเวณนั้นมีร่องรอยเหล่านี้หรือไม่ หากว่าไม่พบก็แสดงว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าน้องชมพู่อาจจะไม่ได้เสียชีวิตเอง”

 

วิเคราะห์จากปากตำรวจ \"คดีน้องชมพู่\" เชื่อจัดฉากสุดแยบยล โยงไสยศาสตร์

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ “จากคดีพบข้อพิรุธอยู่หลายประการ อย่าง จุดพบศพห่างจากบ้านค่อนข้างไกล  และจุดที่พบศพเป็นจุดที่จะต้องมีการปีนขึ้นไป ซึ่งเป็นไปได้ยากสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบ ประกอบกับคำให้การของแม่ที่ยืนยันว่าน้องไม่เคยไปตรงนั้น จึงต้องพิจารณาว่า หากน้องชมพู่ไม่ได้พลัดหลงไปตรงนั้นเอง แล้วน้องเสียชีวิตเอง หรือว่าถูกทำให้เสียชีวิต เพราะหากว่าเสียชีวิตเอง ทำไมจะต้องถอดกางเกง แล้วเสื้อหายไปไหน

 

วิเคราะห์จากปากตำรวจ \"คดีน้องชมพู่\" เชื่อจัดฉากสุดแยบยล โยงไสยศาสตร์

 

ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะถูกทำให้เสียชีวิต ก็จะต้องมาหาคำตอบว่าใครเป็นคนทำ แล้วมีจุดประสงค์เพื่ออะไร และเนื่องจากน้องชมพู่เป็นผู้หญิงจึงมีแนวที่จะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ หรืออาจจะเป็นประเด็นอื่นอาทิ มีสิ่งผิดกฎหมายในครอบครัว หรือเป็นการต่อรองอะไรกับพ่อแม่ของน้องชมพู่ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าจะเป็นการอำพรางศพ” ขณะที่ผู้การหูดำ กล่าวว่า “หากว่าคนร้ายมีความคิดที่ลึกซึ้งก็มีความเป็นไปได้ แต่ตามธรรมชาติเวลาใครฆ่าคนตาย มักจะมีความร้อนรนเร่งรีบ เพื่อหนีเอาตัวรอด แล้วคนร้ายจะมีความคิดที่รอบคอบขนาดนั้นเลยหรือ หากเป็นแบบนั้น แสดงว่าจะต้องเป็นผู้เชียวชาญ ซึ่งส่วนตัวมองว่าคนร้ายคงคิดไม่ถึงขั้นนั้น”