- 25 ก.ค. 2563
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่องราวชีวิตของ เผิงเหลียงฉิง คุณแม่ชาวจีนผู้ทุ่มเท วัย 73 ปี ดูแลลูกชายพิการ วัย 42 ปี แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆของเธอก็ตาม แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งเพราะคำว่ารักของแม่เพียงคำเดียวที่เธอตระหนกอยู่ตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเรื่องราวชีวิตของ เผิงเหลียงฉิง คุณแม่ชาวจีนผู้ทุ่มเท วัย 73 ปี ดูแลลูกชายพิการ วัย 42 ปี แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆของเธอก็ตาม แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งเพราะคำว่ารักของแม่เพียงคำเดียวที่เธอตระหนกอยู่ตลอดเวลา โดยเรื่องราวของแม่ลูกคู่นี้ต้องย้อนกลับไปในปี 2521 ตอนนั้น เหลียงฉิง ยังเป็นหญิงสาวอายุ 31 ปี ประกอบอาชีพเป็นพยาบาล อยู่ในเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน ทางตอนล่างของประเทศจีน อยู่มาวันหนึ่ง เธอพบเด็กทารกแรกเกิดเพศชายนอนอยู่ในตะกร้า พร้อมกับกระดาษระบุวันเดือนปีเกิด วางทิ้งไว้หน้าบ้าน ด้วยความที่เหลียงผิงและสามีไม่มีลูก เป็นของตัวเอง พวกเขาจึงตัดสินใจรับเด็กกำพร้าคนนี้มาเลี้ยงในทันที เพราะมองว่าโชคชะตาได้ประทานพรมาให้แล้ว โดยเด็กชายตัวน้อยได้นำพาความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาสู่ครอบครัวของเหลียงผิง หลังจากนั้น 2 ปี ครอบครัวก็พบเจอกับข่าวช็อกครั้งใหญ่
พวกเขาสังเกตได้ว่าเด็กชายมีพัฒนาการที่ผิดปกติ ไม่สามารถหัดเดินได้ แม้ว่าจะอายุ 2 ขวบแล้ว พวกเขาจึงพาเด็กไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ก่อนจะพบความจริงว่าเขาประสบภาวะสมองพิการ หรือ CP (Cerebral Palsy) แพทย์แจ้งกับเหลียงผิงและสามีว่า อาการของเด็กจัดว่าหนัก น้องอาจจะพูดไม่ได้ และเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต สามีและแม่สามีของเหลียงผิง ตัดสินใจว่าจะไม่เลี้ยงเด็กคนนี้อีกต่อไป ทั้งสองบอก ให้เหลียงผิงยกเขาให้กับศูนย์อุปการะเด็กกำพร้า แต่เหลียงผิงปฏิเสธ และตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่าจะเลี้ยงลูกชายคนนี้ต่อไป
"ตอนนั้นฉันคิดแต่เพียงว่า ฉันเลี้ยงเด็กคนนี้กับมือมาตั้ง 2 ปีแล้ว ความรู้สึกผูกพันมันท่วมท้นค่ะ" เหลียงผิง เล่าย้อนถึงความหลัง
หลังจากตัดสินใจแล้ว เหลียงผิงได้ตั้งชื่อให้กับเด็กน้อยว่า จื่อเสียง ซึ่งแปลได้ว่าผู้โบยบินด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความหวังว่าเขาจะมีอนาคตที่สดใสเหมือนดั่งนาม เธอพาจื่อเสียงตระเวนไปหาหมอหลายที่ เขารับการรักษามามากมาย แต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม เหลียงผิงยังคงให้การดูแลเขาอย่างเต็มที่ ด้วยความรักจากใจ ทว่าเรื่องนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะเธอผิดใจกับสามีตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจเก็บเด็กคนนี้ไว้ และทำให้เขาห่างเหินกับเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี จากปีเป็นสิบปีและหลายสิบปี จื่อเสียงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่สามารถช่วยเหลือหรือพึ่งพาตัวเองได้เลย เหลียงผิงต้องคอยดูแลเขาทุกอย่าง ทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำ เช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้ และช่วยขยับร่างกาย โดยที่ไม่เคยบ่นหรือคิดเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งปี 2554 สามีของเหลียงผิงเสียชีวิตจากไป เธอจึงเหลือรายได้เพียงช่องทางเดียวคือ เงินบำนาญของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เหลียงผิงยังคงรักจื่อเสียงเหมือนลูกในอกและดูแลเขาต่อไป จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งเขาอายุได้ 42 ปีแล้ว โดยเหลียงผิง เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ตนเองได้พบเจอทั้งความสุขล้นและความทุกข์สาหัส แต่ตนเองก็ไม่เคยคิดเสียใจที่รับจื่อเสียงมาเป็นลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ความดีและความเสียสละของเหลียงผิงได้กลายเป็นที่กล่าวขาน เธอได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากรัฐบาลท้องถิ่นในฐานะผู้เป็นแบบอย่างอันดีงามด้านคุณธรรมจริยธรรมเรื่องราวของเธอยังถูกหยิบยกไปรายงานโดยสำนักข่าวซินหัว(China Xinhua News) สำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุดของจีนอีกด้วย และผู้คนทั้งแผ่นดินใหญ่ก็ได้ซาบซึ้งถึงความดีของเธอหญิงแกร่งผู้นี้ เหลียงผิง กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะดูแลเลูกชายคนนี้ต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ตัวเองสิ้นลม
ขอบคุณ kapook