- 27 ก.ค. 2563
สืบเนื่องจากกรณีที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวการผ่าตัดเสริมหน้าอกของตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งก็มีชาวโซเชียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เนื่องจากวิเคราะห์แล้วคาดว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านนนทบุรี
สืบเนื่องจากกรณีที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวการผ่าตัดเสริมหน้าอกของตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งก็มีชาวโซเชียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เนื่องจากวิเคราะห์แล้วคาดว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านนนทบุรี
โดยผู้โพสต์เล่าว่า เธอได้ไปศัลยกรรมหน้าอกกับโรงพยาบาลแห่งนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 63 หลังจากทำได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แผลเริ่มเป็นหนอง จึงได้ติดต่อโรงพยาบาลไปถึง 2 ครั้ง ซึ่งโรงพยาบาลได้แจ้งว่าเป็นปกติของการทำนม แต่ต่อมาปรากฏว่าแผลเริ่มใหญ่ขึ้น เธอจึงตัดสินไปกลับหาหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และก็ได้พบกับหมอที่ทำหน้าอกให้เธอ หมอได้กรีดที่แผลใต้รักแร้และเย็บใหม่ 3 เข็ม หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกว่าหน้าอกของเธอมีขนาดความสูงต่ำไม่เท่ากัน พอครบ 1 เดือน 18 วัน รู้สึกว่าหน้าอกแข็ง จึงได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อขอถอดซิลิโคนและขอรับเงินคืน ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ตกลงตามข้อเสนอของเธอ โดยนัดแนะวันที่จะมาถอดซิลิโคนกันอีกครั้ง
แต่เมื่อเธอมาที่โรงพยาบาลตามนัด กลับพบว่าทางโรงพยาบาลแจ้งความเธอ เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงปัญหาของหน้าอกที่เกิดขึ้น และพาตัวเธอไปที่สถานีตำรวจ แต่ทางโรงพยาบาลก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเธอโพสต์โดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงโรงพยาบาลแต่อย่างใด กระทั่งวันศุกร์ ที่ 17 ก.ค. 63 เธอได้ติดต่อขอถอดซิลิโคนอีกครั้งตามที่โรงพยาบาลทำข้อตกลงยินดีคืนเงินตามจำนวนที่เสียค่าใช้จ่ายไป ซึ่งโรงพยาบาลบอกกับเธอว่าจะติดต่อมาอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ก.ค. 63) แต่จนถึงวันนี้ (26 ก.ค. 63) ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาล ซึ่งในตอนท้าย เธอตั้งคำถามกลับว่า “แบบนี้เรียกว่ารับผิดชอบไหม? เป็นการดูแลที่แย่มาก ปัดความรับผิดชอบไปมา ถ้าในเดือนนี้ยังไม่ได้ออกตายแน่ นมแข็งแถมเจ็บ”
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ล่าสุด โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของเคสคนไข้รายดังกล่าวได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของโรงพยาบาลว่า คนไข้รายนี้ได้มาเสริมหน้าอกที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากคนไข้เสริมไปประมาณ 1 สัปดาห์ มีอาการแผลแยกเล็กน้อยบริเวณใต้รักแร้ เนื่องจากคนไข้เป็นผู้ชายและมีเนื้อน้อยและตึงมาก ซึ่งทางแพทย์แจ้งว่าคนไข้เป็นผู้ชาย การมีเนื้อน้อยและตึงกว่าผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ จึงทำการแก้ไขเก็บแผลให้เรียบร้อยตั้งแต่คราวนั้น
หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน คนไข้ท่านนี้กลับมาโรงพยาบาลและโวยวาย บอกว่าหน้าอกแข็งและขอเงินคืน แพทย์แจ้งว่าหน้าอกคนไข้เป็นผู้ชาย จะต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะนิ่มเป็นปกติ และจากการตรวจความนิ่มพบว่าเป็นไปในระดับธรรมดา ไม่ได้มีข้อบงชี้ว่าหน้าอกจะแข็งแต่อย่างใด แต่คนไข้ยังคงโวยวายเสียงดังที่โรงพยาบาล ทำให้คนไข้ท่านอื่นตื่นตระหนก สร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาล และยังทำการโพสต์เข้าไปในกลุ่มปิดต่างๆ อีกหลายๆ กลุ่ม
จากนั้นทางโรงพยาบาลจึงติดต่อกลับไปยังคนไข้ และได้รับการแจ้งว่าจะลบโพสต์ให้ ถ้าทางโรงพยาบาลยินยอมคืนเงินให้ทั้งหมดและไม่ยินยอมให้โรงพยาบาลถอดซิลิโคนออก ทางโรงพยาบาลไม่อยากจะมีปัญหาจึงตัดสินใจคืนเงินให้ เพราะตั้งแต่เปิดดำเนินการมายังไม่เคยพบคนไข้ที่เป็นแบบนี้
ระหว่างรอให้คนไข้มารับเงิน คนไข้ท่านนี้เรียกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคือ ค่าเจ็บตัวและค่าเสียเวลา นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ทำไปทั้งหมด ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งกลับว่าให้มารับเงินคืนเฉพาะตามที่ตกลงกันครั้งแรก คนไข้ไม่พอใจจึงทำการโพสต์ในกลุ่มปิดต่างๆ อีกหลายกลุ่ม ส่งผลให้โรงพยาบาลต้องแจ้งให้คนไข้ท่านนี้กลับมาพบอีกครั้งเพื่อเจรจา เมื่อคนไข้มาตามที่นัด คนไข้บอกว่าให้ไปคุยกันที่สถานีตำรวจเลย ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ตอบไปว่าตกลง
เมื่อถึง สน. ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันไม่ได้ ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งว่าถ้าไม่ยอมรับเงินในวันนั้นจะไม่คืนให้แล้ว คนไข้ไม่ยอม จึงทำการลงบันทึกประจำวันกันทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ โรงพยาบาลขอความเป็นธรรมมา ณ ที่นี้ว่า โรงพยาบาลมีการทำงานโดยมีความรับผิดชอบ มิได้ปฏิเสธการดูแลแต่อย่างใด อีกทั้งรูปทรงหน้าอกของคนไข้ท่านนี้ก็ชิดสวยงาม จนคนไข้ท่านนี้มีการลงโพสต์ชมกับคนรู้จักว่า หน้าอกของตนเองสวยมาก นิ่มมาก มีหลักฐานการโพสต์ชมดังกล่าวปรากฏให้เห็นชัดเจน ตามที่แนบโพสต์มาด้วย
ตลอดเวลาที่โรงพยาบาลเปิดให้บริการมา ไม่ว่าด้านใดที่ช่วยเหลือคนไข้ได้ โรงพยาบาลยินดีช่วยเหลือและรับผิดชอบ แต่กรณีนี้ รพ.ไม่สามารถเยียวยาได้ เพราะเกินขอบเขตและความเหมาะสม การคืนเงินทำได้ง่ายกว่าแต่กรณีไม่อยากคืน อยากให้รู้ว่าไม่ใช่ใครจะทำอะไร หรือขู่อะไรไม่เหมาะสมก็ได้
จึงเรียนชี้แจงขอความเป็นธรรมมา ณ โอกาสนี้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา