- 13 ส.ค. 2563
ด้าน นางวาสนา อุตภิระ วัย 50 ปี อาชีพรับจ้าง เจ้าของบ้านต้นเพลิง เล่าว่า ขณะเกิดเหตุอยู่กับลูกสาวชั้นล่าง และได้ยินเสียงดังเหมือนของหล่นชั้นบน จึงขึ้นไปดูเห็นเพลิงลุกไหม้บริเวณฝาผนัง ห้องนอนและฝ้าเพดาน ซึ่งบ้านเป็นหลังคาสังกะสี และมีเสียงคล้ายระเบิดตามมา จึงตะโกนให้คนมาช่วยและรีบ หิ้วน้ำมาสาดดับไฟ 2-3 ถังและตามพี่ชายมาช่วย แต่เพลิงลุกลามไวมาก เอาไม่อยู่เพราะไฟลามกินฟูกที่นอน และลามลงมาถึงชั้นล่าง
จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ส.ค.63 เวลา 19.50 น. ร.ต.อ.วิเชียร สิมมาโคตร รอง สว.(สอบสวน) สน.สำเหร่ ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยตากสิน 23 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครบรรเทาสาธารณะภัย รีบเร่งไปที่เกิดเหตุทันที ซึ่งในที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 23 แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พบแสงเพลิงพวยพุ่งแรงมาก เบื้องต้นมีอาสาได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย อาสาโดนเสาบ้านล้มทับมีอาการขาผิดรูป อาสาสมัครกู้ภัยนำส่ง รพ.ราษฎร์บูรณะ และมีผู้ป่วยติดเตียง เป็นหญิง 1 ราย อาสานำส่ง รพ.ทหารเรือ และมีผู้โดนไฟลวก 1 ราย เป็นหญิง อาสานำส่ง รพ.ประชาพัฒน์
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาควบคุมเพลิงไว้ได้เกือบ 2 ชั่วโมง จนเพลิงสงบเมื่อเวลา ประมาณ 22.00 น. เนื่องจากพื้นที่เป็นซอยแคบรถเข้าได้ทางเดียว ขณะเกิดเหตุประชาชนในซอย ต่างหอบข้าวหอบของออกจากพื้นที่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมทั้งมีการเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่อย่างโกลาหล มีการจัดที่พักชั่วคราวและตั้งกองอำนวยการดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่วัดสันติธรรมาราม เบื้องต้นพบว่าบ้านต้นเพลิง เป็นบ้านในซอยที่ 2
ด้าน นางวาสนา อุตภิระ วัย 50 ปี อาชีพรับจ้าง เจ้าของบ้านต้นเพลิง เล่าว่า ขณะเกิดเหตุอยู่กับลูกสาวชั้นล่าง และได้ยินเสียงดังเหมือนของหล่นชั้นบน จึงขึ้นไปดูเห็นเพลิงลุกไหม้บริเวณฝาผนัง ห้องนอนและฝ้าเพดาน ซึ่งบ้านเป็นหลังคาสังกะสี และมีเสียงคล้ายระเบิดตามมา จึงตะโกนให้คนมาช่วยและรีบ หิ้วน้ำมาสาดดับไฟ 2-3 ถังและตามพี่ชายมาช่วย แต่เพลิงลุกลามไวมาก เอาไม่อยู่เพราะไฟลามกินฟูกที่นอน และลามลงมาถึงชั้นล่าง
จนต้องตัดใจออกมาช่วยขนของบ้านพี่ชายที่อยู่ข้างๆ โดนที่ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวออกมาเลยเพราะไม่สามารถเข้ากลับไปได้ และขณะเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บไฟไหม้แขนพองทั้ง 2 ข้าง และลื่นตกบันได ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความประมาท แต่ยอมรับว่าบนบ้านมีตู้เย็น และถ้าไหม้จากเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่บ้านก็มีเครื่องเซฟตี้คัต ตัดไฟอยู่แล้ว จึงไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สำหรับ บ้านหลังนี้อาศัยด้วยกัน 5 คน ได้แก่ ตัวเอง สามี และลูก 2 คน และหลานสาว
ขณะที่ น.ส.เอมอร มั่นคงพูลทวี ผู้ประสบเหตุ เล่าทั้งน้ำตาว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยไหม้มาแล้วเมื่อปี 2561 ซึ่งบ้านตนก็โดนไฟไหม้ และครั้งนี้ย้ายออกมา ถัดจากซอยต้นเพลิงอีก 1 ซอย แต่หลังบ้านติดกัน ก็ยังมาโดนเพลิงไหม้อีกซ้ำ 2 และเพิ่งจะฟื้นตัวได้ ขณะเกิดเหตุมีการตะโกนในชุมนุมว่าไฟไหม้ จึงวิ่งออกมาดูเห็นไฟกำลังลุกไหม้บ้านประชาชนที่อยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งไฟโหมลามมาอย่างหนัก ทำให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงรีบขนของออกมาได้ไม่กี่ชิ้น แต่สุดท้ายของก็หายไปหมดมีคนมาเอาของไป ซึ่งภายในบ้านอยู่ด้วยกัน 7 คน ขณะนี้ทุกคนปลอดภัย
ขณะที่ที่ศาลาปฏิบัติธรรมของวัดสันติธรรมาราม ซึ่งเปิดศูนย์อพยพชั่วคราว เป็นคืนแรก เพื่อรอหน่วยงานภาครัฐเข้าช่วยเหลือในเช้าวันนี้ โดยทางวัดยินดีที่จะเปิดศูนย์พักพิงให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จนกว่าทุกคนจะมีที่พักอาศัยใหม่
ทางด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เช้านี้ เขตธนบุรีจะตั้งโต๊ะรับแจ้งความเสียหายของผู้ประสบภัย และได้เชิญเจ้าหน้าตำรวจ สน.สำเหร่ มารับแจ้งความด้วย พร้อมทั้ง กทม. โดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้นครอบครัวละ 5,000 บาท พร้อมถุงยังชีพ และต่อไป กทม. จะประเมินความเสียหายในแต่ละหลังเพื่อมอบเงินช่วยเหลือตามความเป็นจริง โดยไหม้ทั้งหลังจะได้รับเงินช่วยเหลือ 33,000 บาท ผู้ประสบภัยฯ หากไม่มีทะเบียนบ้าน หรือบัตรประชาชน เอกสารใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะแจ้งรับเงินช่วยเหลือไม่ได้ เขต ณ จุดรับแจ้ง จะมีเจ้าหน้าอำนวยความสะดวกให้