- 17 ส.ค. 2563
สร้างความฮืฮฮาในโซเซียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้ออกมาโพสต์รูปภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่มีอายุยืนถึง 115 โดยชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดว่า ท่านคือหลวงปู่ทอง ปภากโร พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดินพร้อมด้วยภาพอักขระรอยสักบนแผ่นหลังที่หาชมได้ยากแล้วในปัจจุบันของหลวงปู่ทอง ซึ่งถือเป็นมงคลยิ่งแก่ผู้ที่ได้เห็นและพบเจอท่านเพราะด้วยอุปนิสัยรักสันโดนจึงทำให้ยากนักหายจะพบ
สร้างความฮืฮฮาในโซเซียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้ออกมาโพสต์รูปภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่มีอายุยืนถึง 115 โดยชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดว่า ท่านคือหลวงปู่ทอง ปภากโร พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดินพร้อมด้วยภาพอักขระรอยสักบนแผ่นหลังที่หาชมได้ยากแล้วในปัจจุบันของหลวงปู่ทอง ซึ่งถือเป็นมงคลยิ่งแก่ผู้ที่ได้เห็นและพบเจอท่านเพราะด้วยอุปนิสัยรักสันโดนจึงทำให้ยากนักหายจะพบ
โดยประวัติ หลวงปู่ทอง ปภากโร มีอายุ 115 ปี 63 พรรษา ชื่อเดิม คือ ทอง สิงห์ชอบ เกิดวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2449 ที่ ตำบลคูบ อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ จบการศึกษา ป.4 บิดาชื่อ นาย ดอ มารดาชื่อ นาง สิงห์ หลังจากที่ท่านศึกษาจนจบ ท่านได้บวชเป็นเณร แล้วก็มาอยู่วัดบ้านคูบและได้เริ่มเล่าเรียนศึกษาเป็นจริงเป็นจังในระยะนี้ กับครูบาอาจารย์ หลวงปู่เป็นคนมีมานะพากเพียรเป็นยอดเยี่ยม หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า “ท่านมีนิสัยจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ คิดอะไรไม่ได้เป็นไม่ยอมหยุดคิด คิดมันไปจนออกจนเข้าใจ ดูอะไรไม่ได้เรื่องไม่ได้ความ ก็คิดค้นมันไปจนแตกฉาน” ครูบาอาจารย์เฮาจำชื่อบ่ได้ดอก ส่วนอักขระบนร่างกายหลวงปู่แขน,ขา,หลังและ ทั่วทั้งกายเป็นอักขละธรรมลาวในยุคสมัย”สมเด็จลุน”เป็นยันต์ที่เก่าแก่จนคนในยุคนี้แทบจะไม่มีใครรู้จัก ครูบาอาจารย์ท่านสมัยปี 2449 ฝั่งอิสานและลาว
หลวงปู่มีนิสัยสันโดษ จนบางคราวเห็นได้ว่ามักน้อย และมีความพากเพียรพยายาม สบงและจีวรที่นุ่งห่มก็นิยมใช้ของเก่า จะได้เห็นหลวงปู่นุ่งห่มสบงจีวรใหม่ ก็ต่อเมื่อมีผู้ศรัทธาถวายให้ครองในกิจนิมนต์ หลวงปู่จึงครองฉลองศรัทธา ถ้าเป็นไตรจีวรแพร ครองแล้วกลับมาจากที่นิมนต์ก็มอบให้พระภิกษุรูปอื่นไป ข้าวของที่มีผู้ถวาย ถ้ามีประโยชน์แก่พระภิกษุรูปอื่นๆ หลวงปู่ก็ให้ต่อไป ของสิ่งใดที่มีผู้ถวายไว้ ถ้ามีใครอยากได้แล้วออกปากขอ หลวงปู่ก็ให้ แต่เมื่อหลวงปู่บอกให้แล้ว ผู้ขอต้องเอาไปเลยทีเดียว ถ้ายังไม่เอาไปและทิ้งไว้ หรือฝากไว้กับหลวงปู่ เมื่อมีใครมาเห็นในภายหลังและออกปากขออีก หลวงปู่ก็ให้อีก
ในช่วงที่หลวงปู่เดินธุดงค์ จาริกอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นจึงได้มีการธุดงค์ไกลขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนถึงป่าลึกประเทศลาว และประเทศกัมพูชา เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา และอุปทานทั้งปวง เมื่อพิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงปู่ธุดงค์จากลาว กลับมายังประเทศไทย เดินข้ามเขตด้านจังหวัดอุบลราชธานี สู่จังหวัดศรีสะเกษ กลับบ้านเกิดที่บ้านคูบ อย่างไรก็ดี จากประวัติอันน่าสนใจทั้งเรื่อง ของความแก่กล้าในวิชาอาคม และความแตกฉานในความรู้ด้านพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ แม้จะมีท่าทีการแสดงออกที่ตรงไปตรงมา ทุกคนกลับทราบดีว่าหลวงปู่นั้นมีจิตเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ท่านนั้นมีจิตที่แจ่มใส หมดสิ้นแล้วซึ่งกิเลส เป็นที่พึ่งทางธรรมให้แก่ญาติโยมทุกคนอย่างแท้จริง