- 19 ส.ค. 2563
จากสถานการณ์ไวรัสโควิด - 19 จากทั่วโลกที่มีผู้ติดเชื้อมากถึง 22,306,538 ราย เสียชีวิตไปแล้วกว่า 784,353 ราย และรักษาหายเพียงแค่ 15,047,779 ราย ที่ทั่วโลกต้องรับมืออย่างหนักแล้ว ถือว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมเบอร์ต้นๆ ที่สามารถจำกัดกรอบของผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี เนื่องจากส่วนใหญ่พบติดเชื้ออยู่แต่ใน state quarantine เท่านั้น
จากสถานการณ์ไวรัสโควิด - 19 จากทั่วโลกที่มีผู้ติดเชื้อมากถึง 22,306,538 ราย เสียชีวิตไปแล้วกว่า 784,353 ราย และรักษาหายเพียงแค่ 15,047,779 ราย ที่ทั่วโลกต้องรับมืออย่างหนักแล้ว ถือว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมเบอร์ต้นๆ ที่สามารถจำกัดกรอบของผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี เนื่องจากส่วนใหญ่พบติดเชื้ออยู่แต่ใน state quarantine เท่านั้น
ล่าสุด พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองประธานกรรมการ คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และรองหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค. กล่าวถึงภาพรวมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยว่า สถานการณ์ในไทยขณะนี้ถือว่าดีขึ้นมาก หากเทียบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน แต่ก็มีความเป็นห่วงประชาชน เพราะมีการผ่อนคลายเฝ้าระวังไปมาก ตั้งแต่รับทราบกันว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์มาหลายวัน แต่ทั้งนี้ ศบค.ได้พยายามเฝ้าระวังในจุดที่อาจจะมีการรั่วไหล
เพราะหากเกิดการระบาดรอบสองก็เป็นที่น่าเสียดาย เนื่องจากเราดูแลอย่างดีมาถึง 90 วันแล้ว ซึ่งอยากขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือ และขอยืนยันว่ามาตรการ state quarantine ในการกักตัว 14 วันเป็นมาตรการที่เชื่อถือได้ และยืนยันว่าการตรวจพบผู้ติดเชื้อใน state quarantine อยู่ในกรอบ 14 วัน แต่ก็มีข้อห่วงใยว่าการพบเชื้อครั้งแรกส่วนใหญ่จะพบภายใน 14 วัน แต่หลังจากพบแล้วเชื้อจะอยู่ได้ถึง 30 วัน
ส่วนประเด็นข้อคำถามเรื่องการขยายอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.ชุดเล็กเตรียมเสนอศบค.ชุดใหญ่ เพื่อขออนุมัติต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไปอีก 1 เดือน พร้อมยืนยันว่าการมี พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน และยังสามารถดำเนินการจัดการชุมนุมได้ เนื่องจาก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 สามารถบังคับใช้กฎหมายบางตัวที่ พ.ร.บ.ควบคุมโรคไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังสามารถรวบรวมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้มาทำงานร่วมกันในจุดเดียวกันได้ ซึ่งมองว่าการบังคับใช้พ.ร.ก.การบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ยังคงมีความจำเป็น
เมื่อถามถึงกรณีที่ทหารสหรัฐอเมริกาจะครบกำหนดการกักตัว 14 วัน ในวันนี้ ( 19 ส.ค.) พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยืนยันว่าทหารยังคงมีความจำเป็น ที่จะต้องดำรงการฝึกทั้งการฝึกของเราเองและการฝึกร่วมผสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นทหาร จึงต้องขอความเห็นใจจากประชาชน เพราะกองทัพต้องมีการฝึก เนื่องจากจะได้รับเทคโนโลยีที่มีความเจริญแล้วจากกองทัพที่มีความทันสมัย เพื่อพัฒนากองทัพของเรา ขณะที่กองร้อยทหารช่างจากเซาท์ซูดานผลัดที่ 1 จำนวน 237 นาย ซึ่งจะเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในช่วงเดือนก.ย.นี้ ทางกองทัพได้แจ้ง ศบค.แล้วอย่างไม่เป็นทางการ โดยทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการ state quarantine เช่นเดียวกับคนอื่น
นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงบรรยกาศทางการเมือง ภายหลังมีการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พร้อมการแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ว่า ในฐานะอยู่ฝ่ายความมั่นคง ก็ต้องเป็นห่วงเรื่องความขัดแย้ง และคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ส่วนตัวมองว่าปรากฎต่างๆ ที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและได้รับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ
“ยอมรับว่า รัฐบาล หรือฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ โดยเฉพาะกับน้องๆ เยาวชน เพราะพวกเราทุกคนในที่นี้เคยเป็นเด็กมาก่อน เราคงจำได้ว่ามีความเชื่ออะไรเราก็จะเชื่ออย่างนั้น เราก็คงต้องอาศัยความเข้าใจและอาศัยเวลา รวมถึงอาศัยคนที่อยู่ใกล้ชิด เช่น คุณครู คุณพ่อ คุณแม่ ที่จะช่วยพูดคุยกับเด็กและทำความเข้าใจ คงไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องเข้าไปแก้ไขเรื่องนี้ สมมติว่ากองทัพจะไปทำความเข้าใจ ทหารหรือตำรวจจะไปทำความเข้าใจ ฝ่ายความมั่นคง หรือแม้กระทั่งนักการเมืองจะเข้าไปทำความเข้าใจ คงจะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่สามารถคลี่คลายในเวลาที่เราต้องการ สิ่งที่น่าจะแก้ไขได้ก็คือ พ่อแม่ คุณครู ที่จะช่วยกัน”