- 19 ส.ค. 2563
จากกรณีการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา หนึ่งในระเบียบวาระ คือ การพิจารณางบประมาณของกรมทรัพยากร น้ำบาดาลประมาณ 1276 ล้านบาท ระหว่างที่นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กำลังอธิบายโครงการให้พิจารณา มีรายงานว่า ส.ส.ในคณะอนุกรรมาธิการได้ซักถามอย่างหนัก จนกระทั่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยกลางที่ประชุมว่า มีอนุกรรมาธิการบางคนเรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณ แล้วออกจากห้องประชุมไป
จากกรณีการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา หนึ่งในระเบียบวาระ คือ การพิจารณางบประมาณของกรมทรัพยากร น้ำบาดาลประมาณ 1276 ล้านบาท ระหว่างที่นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กำลังอธิบายโครงการให้พิจารณา มีรายงานว่า ส.ส.ในคณะอนุกรรมาธิการได้ซักถามอย่างหนัก จนกระทั่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยกลางที่ประชุมว่า มีอนุกรรมาธิการบางคนเรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณ แล้วออกจากห้องประชุมไป
ล่าสุด นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ข้อมูลกรณี สส.โทรเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท แลกการกับอนุมัติผ่านงบประมาณ โดยอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลยืนยัน ต่อคณะกรรมาธิการฯว่า มี สส.โทรเรียกรับเงิน 5 ล้านบาทจริง ขณะนี้ได้ส่งข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด ให้แก่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้ว
โดย นายศักดิ์ดา เปิดเผยว่า เหตุการณ์การเรียกรับเงินเกิดขึ้นในช่วงเวลา 19.10 น. ของวันที่ 4 ส.ค.63 โดยมีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา อ้างว่าเป็นกรรมาธิการคนหนึ่งในคณะอนุกรรมาธิการ และได้เรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณให้ เนื่องจากในวันที่ 5 ส.ค.63 ตนเองต้องเข้าชี้แจงต่ออนุกรรมาธิการ
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เชิญตนไปไต่สวนแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ได้ชี้แจ้งไปเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะหากพูดเท็จก็คงจะอยู่ในแผ่นดินไทยนี้ต่อไปไม่ได้ แต่ที่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อจริงออกมา เนื่องจากได้ส่งรายชื่อทั้งหมดให้กับปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ แล้ว
ก่อนหน้านั้น นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงานป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากรัฐสภา ในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่มี น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน
ซึ่งมีวาระพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในส่วนของ 2 กรม คือ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล งบประมาณ 1,276,572,100 บาท และ กรมทรัพยากรน้ำ งบประมาณ 3,772,802,200 บาท รวมถึง กระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง งบประมาณ 13,103,923,100 บาท
“ในที่ประชุมนายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมน้ำบาดาล เปิดเผยข้อมูลว่า มีอนุกรรมาธิการฯ บางคน โทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า บางกรมฯ ถูกอนุกรรมาธิการฯ นี้ เรียกถึง 10 ล้านบาท แต่ไม่กล้าเปิดเผย”
กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวดังกล่าวนั้น จากที่ป.ป.ช. มีการตรวจสอบข่าวทุจริตประพฤติมิชอบเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อมีข่าวลักษณะนี้เบื้องต้น ถ้าถามว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยกขึ้นมาเป็นเหตุอันควรสงสัยได้เลยหรือไม่ ก็คงยังมิได้ เพราะเพียงปรากฏเป็นข่าว แต่จะต้องมีการเข้าไปตรวจสอบก่อน เช่น อาจจะต้องเชิญ นายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมน้ำบาดาล มาชี้แจง เนื่องจากเขาเป็นคนพูด เพื่อสอบถามว่า มีการเรียกรับเงินจริงหรือไม่
“ถ้ามีการเรียกรับจริงจากคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือกรรมาธิการ ก็อาจนำเสนอต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ว่า มีข้อมูลเพียงพอ เพื่อจะหยิบยกเหตุอันควรสงสัยขึ้นได้ เพราะหากมีความ ปรากฏต่อคณะกรรมการว่ามีการทุจริตก็สามารถยกขึ้นมาได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้อง”
โฆษกป.ป.ช. กล่าวว่า เบื้องต้น คือต้องเชิญอธิบดีกรมน้ำบาดาลมาให้ข้อมูลก่อน แต่จะต้องมีการนำเสนอต่อเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ คณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อทราบก่อนว่า มีข่าวออกมาเช่นนี้ เป็นการใช้อำนาจตามกฏหมาย เพราะอยู่ๆ จะไปเชิญคนนั้นคนนี้มาโดยที่ไม่มีเหตุไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เหตุปรากฏเป็นข่าว เราจึงต้องตรวจสอบก่อนว่า ที่ข่าวลงมานั้นมีการพูดเช่นนั้นจริงหรือไม่ มีเหตุการณ์เช่นนั้นจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายนิวัติไชยกล่าวว่า ทางสำนักการข่าวฯ ของป.ป.ช. จะเป็นผู้ประมวลข่าวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อเสนอต่อเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งเมื่อถูกหยิบยกเลขาฯ ก็จะมีอำนาจในการมอบหมายเจ้าหน้าที่ให้ลงไปตรวจสอบข้อมูล จากนั้นรายงานให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทราบ ทั้งนี้ หากคณะกรรมการป.ป.ช.จะมีมติโดยตรงว่า จากเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว ก็อาจให้เชิญทางนายศักดามาสอบถามข้อเท็จจริงได้ โดยส่งเรื่องไปยังสำนักที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งถ้าอนุกรรมาธิการฯ งบฯ อยู่ในข่ายเป็นข้าราชการการเมือง ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของ สำนักไต่สวนทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ