- 28 ส.ค. 2563
ล่าสุด รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 28 สิงหาคม 2563 ติดไปเพิ่มอีกถึง 290,240 คน ตายเพิ่มอีก 6,047 คน รวมแล้ว 24,571,500 คน อเมริกา ทะลุ 6 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว ติดเพิ่ม 45,564 คน ตายอีกเกินพัน รวมแล้ว 6,038,308 คน
สืบเนื่องจากกรณีที่ เมียนมา ได้เริ่มมีการระบาดอย่างหนักอีกครั้งโดยเฉพาะรัฐยะไข่ ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 76 ราย มากที่สุดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศ มาอยู่ที่ 602 ราย และเสียชีวิตคงที่ 6 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2563 เวลา 09.52 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเรียกร้องให้ทางการไทยเฝ้าระวังพรมแดนไทย-เมียนมา เนื่องจากเมียนมาเจอการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 แล้ว และหากเป็นไปได้ควรส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเมียนมารับมือโรคระบาดเสียเลย
ล่าสุด รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 28 สิงหาคม 2563 ติดไปเพิ่มอีกถึง 290,240 คน ตายเพิ่มอีก 6,047 คน รวมแล้ว 24,571,500 คน อเมริกา ทะลุ 6 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว ติดเพิ่ม 45,564 คน ตายอีกเกินพัน รวมแล้ว 6,038,308 คน
สิ่งที่น่ากังวลคือ การที่มีข่าวว่า มีหน่วยงานประกาศแนะนำว่าคนที่ไม่มีอาการไม่ต้องมาตรวจโควิดนั้น เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเหมาะสม เพราะความรู้ทางการแพทย์เราพิสูจน์แล้วว่า คนติดเชื้อจะไม่มีอาการได้ 20% หรือบางงานวิจัยชี้ว่ามีมากกว่านั้น แถมคนติดเชื้อที่ไม่มีอาการยังสามารถที่จะแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นได้ หากมีการทำตามคำแนะนำดังกล่าว จะเกิดภาวะ under detection คือรายงานจำนวนเคสติดเชื้อที่อาจต่ำกว่าความเป็นจริงได้ ในสงครามโควิดนี้
สิ่งที่ควรทำคือ การสนับสนุนให้มีการตรวจมากขึ้น ทั้งกลุ่มคนที่มีประวัติสัมผัสกับพื้นที่หรือบุคคลเสี่ยง ทั้งมีและไม่มีอาการ รวมถึงประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงปอดอักเสบทุกคน เพื่อที่จะทำ early detection และ early treatment เป็นระดับของ secondary prevention ตัดวงจรระบาดได้อีกทางหนึ่ง...และไทยก็ควรทำเช่นที่กล่าวมา
บราซิล ติดเพิ่ม 44,235 คน รวม 3,761,391 คน
อินเดีย ดูรุนแรงมากขึ้น ติดเพิ่มอีกถึง 76,826 คน ตายเกินพันคนต่อวันอย่างต่อเนื่อง และยอดรวมตอนนี้ 3,384,575 คน อีกไม่ถึงสองสัปดาห์น่าจะแซงบราซิล รัสเซีย ติดเพิ่ม 4,711 คน รวม 975,576 คน แอฟริกาใต้ เปรู เม็กซิโก ติดกันหลายพันคนต่อวันเช่นเดิม กลุ่มประเทศยุโรป ระบาดรุนแรงขึ้น ติดกันหลักพันถึงหลายพันเช่นกัน ทั้งสเปน สหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน รวมถึงอิหร่าน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ในขณะที่อีกหลายประเทศในยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ติดกันหลักร้อยถึงหลายร้อย ฮ่องกง และสิงคโปร์ติดกันหลักสิบ ส่วนจีน มาเลเซีย เวียดนาม และนิวซีแลนด์ก็ยังมีติดเพิ่มกันหลักหน่วย...ที่เป็นข่าวกังวลกันมากในช่วงสองสามวันนี้คือ เพื่อนบ้านเราอย่างเมียนมา ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานติดเพิ่มอีก 22 คน ในขณะที่วันก่อนหน้านั้น 24 30 และ 76 คนตามลำดับ นี่เป็นแนวโน้มการเพิ่มที่ไม่ค่อยดีนัก อาจต้องติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงไปอีกสัก 7-10 วัน หากมีจำนวนการเพิ่มขึ้นของเคสใหม่แบบทวีคูณ หรืออัตราเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โอกาสระบาดหนักก็มีสูง สิ่งที่รัฐบาลไทย ศบค. สมช. ควรตัดสินใจทำตอนนี้คือ "การปิดด่านชายแดน" ไม่ให้มีการเข้าออกครับ "Containment" หรือ"มาตรการปิดกั้น" ควรดำเนินการทำตั้งแต่ช่วงเวลานี้ มิฉะนั้นจะมีโอกาสหลุดรอดและทำให้เกิดการระบาดเหมือนตอนช่วงต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้หลายคนคงมีความรู้สึกเหมือนผม ที่เราเห็นการเมืองประโคมข่าวจะเอานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา...หากกิเลสมันครอบงำจนต้องหาเงิน โดยรู้ทั้งรู้ว่าระบาดหนักทั่วโลกแบบนี้ ยังยอมนำความเสี่ยงเข้ามาในประเทศและอาจระบาดจนกระทบคนทั้งประเทศได้ เราอาจต้องทบทวนกันอย่างหนักแล้วล่ะครับว่า เราอับจนปัญญา และขาดสติ จนต้องเลือกวิธีนี้จริงๆ หรือ? ไม่มีทางที่จะการันตีความปลอดภัย 100% ได้เลยไม่ว่าจะทำระบบอย่างไรก็ตาม
ยังยืนยันว่า ฟองสบู่ท่องเที่ยวนั้นเป็นนโยบายที่ไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการในตอนนี้ จำเป็นต้องชะลอไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือนครับ ไม่งั้นจะเกิดหายนะการระบาดตามมา ตอนนี้ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันตั้งการ์ดกันสูงๆ นะครับ รักตัวเองรักครอบครัวต้องป้องกันตัวเสมอ ประเทศไทยต้องทำได้ ด้วยรักต่อทุกคน"