- 28 ส.ค. 2563
จากที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายในคดีที่นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกอบจ.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิด ในการทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2557 ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 โดยศาลได้เสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาหลังจากทำการสืบพยานจำเลย 3 ปากนัดสุดท้าย โดยพบว่านายเทพไท เสนพงศ์ จำเลย ไม่ได้มาศาลในนัดนี้โดยอ้างว่าติดการประชุมพิจารณางบประมาณ ขณะที่ศาลอนุญาตให้มีกระบวนการการพิจารณาลับหลังจำเลยได้
จากที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายในคดีที่นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกอบจ.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิด ในการทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2557 ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 โดยศาลได้เสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาหลังจากทำการสืบพยานจำเลย 3 ปากนัดสุดท้าย โดยพบว่านายเทพไท เสนพงศ์ จำเลย ไม่ได้มาศาลในนัดนี้โดยอ้างว่าติดการประชุมพิจารณางบประมาณ ขณะที่ศาลอนุญาตให้มีกระบวนการการพิจารณาลับหลังจำเลยได้
ภายหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณา ศาลได้ออกรายงานกระบวนการพิจารณา คดีเสร็จการพิจารณาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 สิงหาคม 2563 เวลา 10 นาฬิกา ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายรับทราบ จะเป็นการชี้ชะตาคดีทุจริตเลือกตั้งที่ยาวนานเกือบ 7 ปี หลังจากที่นายพิชัย บุณยเกียรติ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในดคีโดยตรงได้ตัดสินใจยื่นฟ้องด้วยตัวเอง เนื่องจากคดีในกระบวนการปกตินั้นแต่เสร็จสินการพิจาณราของศาลอุทธรณ์ได้ลงโทษจำเลยที่ 1คือนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ ด้วยการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแล้ว กกต.นครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์ กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช แต่พบว่ากระบวนการมีความล่าช้ากว่า 6 ปีคดียังค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้มีการสั่งคดีจนกระทั่งนายพิชัย ได้ยื่นฟ้องโดยตรงจนศาลรับพิจารณาและเข้าสู่กระบวนการนัดฟังคำพิพากษา
หลังจากที่ศาลนัดวันฟังคำพิพากษาแล้วนั้นนายพิชัย บุณยเกียรติ โจทก็ เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากสำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าในส่วนของคดีที่ค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุดนั้น อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ต้องหาหาที่ 2 ในความผิดฐาน “เลี้งหรือรับจะจัดเลี้ยงแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครอื่น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57(4),118 โดยอยู่ในระหว่างขั้นตอนที่พนักงานอัยการจะต้องแจ้งพนักงานสอบสวนให้นำตัวผู้ต้องหามาให้พนักงานอัยการส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแม้จะเป็นคดีเดียวกันกับการที่นายพิชัยเห็นว่าล่าช้าและมีการฟ้องตรงไปจนเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาแล้วก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งสองจะต้องมีการประกันตัวในคดีอีกครั้ง ส่วนคดีจะมีขั้นตอนอย่างไรจะเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่จะเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณา
ด้าน นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกอบจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าคดีนี้จะเป็นการพิสูจน์ความถูกต้องและสัจธรรมความเป็นจริง พอใจในการดำเนินการที่มีความเป็นธรรมจนกระทั่งมีการนัดฟังคำพิพากษา ส่วนผลจะออกมาอย่างไรเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เป็นข้อพิสูจน์ในการยืนยันต่อสู้ในความไม่เป็นธรรมในอดีตมาอย่างแน่นอน
สำหรับคดีนี้มีรยงานว่าศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิจารณาพิพากษาเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งนายมาโนช เสนพงศ์จำเลยที่ 1 แล้วหลังจากนั้น กกต.ได้มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์ แต่ทว่าคดีค้างอยู่ในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นอัยการปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 6 ยังไม่ได้มีการสั่งฟ้องเข้าสู่การพิจารณา จนกระทั่งนายพิชัย เห็นว่ามีความล่าช้าก่อให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจึงตัดสินใจในฐานะผู้เสียหาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยตนเองศาลไต่สวนมูลฟ้องและประทับรับฟ้อง ก่อนที่จะมีกระบวนการพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลยมารวม 3 นัด จนกระทั่งมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 สิงหาคมนี้
ล่าสุด ศาลนครศรีธรรมราช ตัดสินลงโทษ เทพไท - มาโนช เสนพงศ์ โดยศาลตัดสินจำคุกคนละ 2 ปี เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี ไม่รอลงอาญา คดีร่วมกันทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชเมื่อปี 2557 หลังโจทก์ (พิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกอบจ.นครศรีฯ) ยื่นฟ้องตรงเพราะกระบวนการล่าช้าค้าง