กรมอุตุฯ เผยภาคกลางเสี่ยงเผชิญฝนถล่มหนักสุด เตรียมรับมือจนถึง5ก.ย.นี้

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนัก เนื่องมาจากร่องมรสุมที่พัดผ่านจากภาคกลาง โดยบริเวณที่ตกหนักคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทว่าภาคกลางจะตกทั้งภาค จนไปถึงวันที่ 5 ก.ย.นี้

   1ก.ย.63 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้


โดยกรมอุตุวิทยาได้มีการประกาศ คาดการณ์ว่า 46 จังหวัดโดนฝนถล่มหนัก โดยได้พยากรณ์อากาศว่า วันนี้มีร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้

กรมอุตุฯ เผยภาคกลางเสี่ยงเผชิญฝนถล่มหนักสุด เตรียมรับมือจนถึง5ก.ย.นี้

จังหวัดที่เสี่ยงฝนตกหนัก 46 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เนื่องมาจากร่องมรสุมที่พัดผ่านจากภาคกลาง โดยบริเวณที่ตกหนักคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  โดยทาง นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ภาคกลางฝนจะตกทั้งภาค จนไปถึงวันที่ 5 ก.ย.63

กรมอุตุฯ เผยภาคกลางเสี่ยงเผชิญฝนถล่มหนักสุด เตรียมรับมือจนถึง5ก.ย.นี้

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) “ไมสัก” บริเวณทะเลจีนตะวันออก คาดว่าจะเคลื่อนตัวไปยังประเทศเกาหลีในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. 2563 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ -มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

กรมอุตุฯ เผยภาคกลางเสี่ยงเผชิญฝนถล่มหนักสุด เตรียมรับมือจนถึง5ก.ย.นี้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และร้อยเอ็ด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง-มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก-มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)-มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)-มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

 

กรมอุตุฯ เผยภาคกลางเสี่ยงเผชิญฝนถล่มหนักสุด เตรียมรับมือจนถึง5ก.ย.นี้

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล-มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

 

ขอบคุณ
กรมอุตุนิยมวิทยา