- 02 ก.ย. 2563
รัฐเตรียมแจก3,000บาท สำหรับคนที่มีอายุ18ปีขึ้นไป หวังประชาชนใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ
2 ก.ย.63 คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการการกระตุ้นการใช้จ่ายรอบใหม่ เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนทั่วไป ให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในทุกพื้นที่ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม อุปโภคบริโภคเป็นหลัก ยกเว้นแอลกอฮอล์ บุหรี่ เน้นประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวนไม่เกิน 15 ล้านคน รวมงบ 45,000 ล้านบาท ถือเป็นมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แต่ผู้ใช้ต้องจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” จับจ่ายซื้อของกับผู้ประกอบการรายย่อยจริงๆ ไม่เกินคนละ 3,000 บาท และจำกัดวงเงินต่อวันไม่เกิน 100-250 บาท โดยมีเงื่อนไขที่รัฐสนับสนุนให้ไม่เกินร้อยละ 50 จากจำนวนสินค้าที่ซื้อในรอบนั้นๆ เพื่อให้เกิดการใช้งานกับกลุ่มผู้ค้ารายย่อยจริงๆ คาดมีเงินหมุนเวียน 90,000 ล้านบาท โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนั้น ยังเห็นชอบ ปรับปรุงมาตรการโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" โดยเพิ่มเติมให้บุคลากรภาครัฐ ข้าราชการ รวมกว่า 2,000,000 คน และพนักงานรัฐวิสาหกิจกว่า 200,000 คน สามารถลาพักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมทั้งให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.หาแนวทางกระตุ้นกลุ่มคนสูงวัย ซึ่งมีกำลังซื้อสูง สามารถเข้าถึงมาตรการนี้ได้ง่ายขึ้น คาดว่า จะออกเป็นบัตรสมาร์ทการ์ด หรือคูปอง
มาตรการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไปที่ครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย โดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่าย 50% และจำกัดการใช้จ่ายต่อคนตลอดโครงการ
-กลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ
-สัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวนประมาณ 15 ล้านคน
-กลุ่มร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ
-เน้นร้านค้ารายย่อยทั่วไปครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย ประมาณ 80,000 ร้านค้า โดยเงินนี้จะใช้ได้ในช่วงเวลา 3 เดือน จำกัดการใช้ไม่เกินวันละ 100-250 บาทโอนผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลัง จัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอต่อ ศบศ.อีกครั้ง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนตุลาคมนี้