นายกฯตู่ไฟเขียว ศบศ.เดินหน้า ชิมช็อปใช้ ลดเงินจ่ายปชช. กระตุ้นยอดขาย 80,000 ร้านค้า

จากที่ก่อนหน้านี้ไวรัสโควิด - 19 ได้ทำให้เศรษฐกิจต้องได้รับผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้เร่งแก้ปัญหาและฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน และล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ชี้แจงข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ อันเนื่องมาจากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า "เมื่อช่วงเช้าผมเข้าประชุม ศบศ. และได้เห็นชอบเรื่องสำคัญหลายเรื่องครับ ทั้งหมดจะเร่งให้เข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาและสรุปรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งครับ

จากที่ก่อนหน้านี้ไวรัสโควิด - 19 ได้ทำให้เศรษฐกิจต้องได้รับผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้เร่งแก้ปัญหาและฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน และล่าสุด  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ชี้แจงข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ อันเนื่องมาจากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า  "เมื่อช่วงเช้าผมเข้าประชุม ศบศ. และได้เห็นชอบเรื่องสำคัญหลายเรื่องครับ ทั้งหมดจะเร่งให้เข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาและสรุปรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งครับ 


เรื่องแรกเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ผมได้เห็นชอบให้มีการเพิ่มสิทธิให้ผู้ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเห็นชอบในหลักการให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เมื่อลงทะเบียนใช้สิทธิ

เรื่องที่สองเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการจ้างงานสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ ตั้งแต่ระดับป.ตรี , ปวส. และปวช. จำนวน 260,000 อัตรา โดยมีอัตราค่าจ้างตามวุฒิการศึกษา 9,400 - 15,000 บาท/เดือน โดยวางกรอบระยะเวลาการจ้างงาน 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 

เรื่องที่สาม ได้เห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป   โดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน จำนวนประมาณ 15 ล้านคน   และกลุ่มร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการโดยมุ่งเน้นไปที่ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอย อีกประมาณ 80,000 แห่ง ผ่านกลไกกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล 
ขอให้พี่น้องประชาชนรอฟังรายละเอียดผ่านช่องทางของรัฐบาลในเร็วๆ นี้ต่อไปนะครับ

ส่วนบ่ายวันนี้ผมและทีมงานจะเดินทางลงพื้นที่ไปพบชาวสุโขทัย #น้ำท่วมสุโขทัย ใน ต.คลองกระจง และ ต.ท่าทอง พร้อมนำกำลังใจและความห่วงใยไปมอบให้แก่พี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อน  .. ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนมีแรงสู้ และเราจะช่วยกันเป็นกำลังใจให้กันและกัน ผ่านทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ไปด้วยกันครับ"
 

 

นายกฯตู่ไฟเขียว ศบศ.เดินหน้า ชิมช็อปใช้ ลดเงินจ่ายปชช. กระตุ้นยอดขาย 80,000 ร้านค้า

ขณะที่มีรายงานว่า   คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  ได้มีข้อสรุปแนวทางสำคัญ ๆ ที่จะดำเนินการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ ดังนี้

 

โดยนายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) แถลงผลการประชุม "ศบศ."  หรือ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ณ ทำเนียบรัฐบาลว่า โดยที่ประชุมเห็นชอบในหลักการของ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ชิมช้อปใช้​ นำเสนอโดยกระทรวงการคลังซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไปที่ครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอย โดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 และจำกัดการใช้จ่ายต่อคนตลอดโครงการ สำหรับกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวนประมาณ 15 ล้านคน และกลุ่มร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการจะมุ่งเน้นไปที่ร้านค้ารายย่อยทั่วไปครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย ประมาณ 80,000 ร้านค้า ผ่านกลไกการดำเนินงานผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนตุลาคม

 

นอกจากนี้ ศบศ. ยังเห็นขอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มเติมภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ 1. เห็นชอบให้มีการเพิ่มสิทธิให้ผู้ลงทะเบียนจำนวน 3 สิทธิ ได้แก่  เพิ่มส่วนลดค่าที่พักร้อยละ 40 จำนวน 10 คืนต่อคน  เพิ่มคูปองอาหารต่อการท่องเที่ยว สูงสุดมูลค่า 900 บาทต่อวัน โดยหากท่องเที่ยว ในวันจันทร์-พฤหัสบดีจะอุดหนุน 900 บาท ขณะที่วันศุกร์-อาทิตย์จะอุดหนุน 600 บาท และ ให้เงินคืนค่าตั๋ว เครื่องบินจำนวน 2,000 บาทต่อที่นั่ง โดยเริ่มดำเนินการนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563  

 

2.เห็นชอบในหลักการให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลา พักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อลงทะเบียนและใช้สิทธิในแพ็คเกจเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อ ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพิ่มความถี่การพักค้าง และกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มที่มีศักยภาพ รวมทั้ง ดึงดูดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ อาทิ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวใน ประเทศมากขึ้น

 


ก่อนหน้านั้น  นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน  ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ว่า  ตนได้นำเสนอโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและภาคเอกชน ต่อที่ประชุมศบค. ซึ่งที่ประชุมรับทราบและให้ความเห็นชอบแล้วส่งเรื่องดังกล่าวให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปดำเนินการต่อ เพราะโครงการนี้ต้องใช้งบประมาณจากเงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ 400,000 ล้านบาท  ทั้งนี้ เมื่อสศช.พิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวเสร็จแล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป 


รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า  โครงการดังกล่าวจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงเป้าต่อกรณีการว่างงานของผู้ที่เพิ่งจบการศึกษา ซึ่งเราให้ความสำคัญอย่างมาก โดยจะเป็นการดำเนินงานหลายส่วนควบคู่กัน ประกอบด้วย 1.มาตรการจ่ายเงินอุดหนุนสมทบเงินเดือนค่าจ้างแรงงานใหม่ให้กับลูกจ้างที่เพิ่งจบการศึกษา ด้วยการโอนเงินตรงเข้าบัญชีของลูกจ้างในธนาคารกรุงไทย ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบ 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างแต่ละเดือนตามวุฒิการศึกษา ซึ่งต้องไม่เกิน 7,500 บาทต่อราย โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563-30 ก.ย.2564  กรอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ 23,476.4 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจ้างงานผู้จบการศึกษาใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 260,000 คน ส่วนผู้ที่จะลงทะเบียนเพื่อรับเงินอุดหนุนนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นคนไทย อายุไม่เกิน 25 ปี หรือถ้าเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 25 ปี ต้องสำเร็จการศึกษาในช่วงปี 2562-2563 


นายสุชาติ กล่าวว่า  2.การจัดงาน “ไทยแลนด์ จ๊อบ เอ็กซ์โป (Thailand Job Expo 2020)” ที่จะรวมตำแหน่งงานของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประมาณ 1 ล้านตำแหน่ง เพื่อจับคู่ตำแหน่งานกับตัวบุคคล และ3.การใช้แพลตฟอร์มที่ชื่อ “ไทยมีงานทำ” ซึ่งกระทรวงแรงงานจะนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลใหญ่ (บิ๊กดาต้า)  สำหรับการจัดงาน “ไทยแลนด์ จ๊อบ เอ็กซ์โป”  ตนได้เชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงมาประชุมที่กระทรวงแรงงาน ในช่วงบ่ายวันที่ 3 ก.ย.นี้ เพื่อให้นำฐานข้อมูลตัวเลขการจ้างงานของปี 2564 ของแต่ละกระทรวงมาพิจารณาว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเราจะใช้ในการตั้งบูธในงานดังกล่าว ส่วนเรื่องสถานที่จัดงาน เรากำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งต้องใช้ฮอลล์จัดงานขนาดใหญ่ ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าวจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้

 

นายกฯตู่ไฟเขียว ศบศ.เดินหน้า ชิมช็อปใช้ ลดเงินจ่ายปชช. กระตุ้นยอดขาย 80,000 ร้านค้า