- 03 ก.ย. 2563
ถือเป็นหนึ่งโอกาสสำคัญในช่วงจังหวะสถานการณ์การเมืองที่มีปัญหาความขัดแย้ง สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ได้จัดเวทีเสวนา "สื่อไทยกับความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่" โดยมีนายฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด พร้อมกับ รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด , นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมเวทีแสดงความเห็น
ถือเป็นหนึ่งโอกาสสำคัญในช่วงจังหวะสถานการณ์การเมืองที่มีปัญหาความขัดแย้ง สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ได้จัดเวทีเสวนา "สื่อไทยกับความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่" โดยมีนายฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด พร้อมกับ รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด , นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมเวทีแสดงความเห็น
ทั้งนี้ นายฉาย ได้กล่าวถึงเหตุกรณีที่เกิดขึ้น โดยยกตัวอย่างผลกระทบ จากการที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง ปลุกระดมให้มีการกดดันเนชั่นทีวี ผ่านการแบนสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์ ว่า ปัจจุบันองค์กรสื่อเนชั่น ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 แล้ว และมีบริษัทในเครือหลายแพลตฟอร์มทั้ง เดอะเนชั่น , คมชัดลึก , กรุงเทพธุรกิจ , เนชั่นทีวี ฯลฯ ส่วนการเรียกร้อง กดดันให้มีการแบนสปอนเซอร์ที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่าเป็นภาวะโซเชียลบูลลี่ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบนชีวิตจริง เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทุกคนเข้าใจว่าคือความไม่ชอบธรรม และเป็นการคุกคามองค์กรสื่อมวลชน
ในทางตรงข้ามหากเนชั่นทีวีนำเสนอในข่าวสารไม่ถูกต้อง บ้านเมืองก็มีกฎหมายหมิ่นประมาท รองรับผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้ทันที ประเด็นสำคัญกับความเห็นคนส่วนใหญ๋ จากการสำรวจความเห็นผ่านซุปเปอร์โพล ปรากฎข้อมูลชัดเจนว่า มากกว่าร้อยละ 90 คิดว่าการแบนสปอนเซอร์เป็นการคุกคามประชาชน ผนวกว่าบัญชีผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกว่า 8 ล้านบัญชี มาจากต่างประเทศ ตนจึงมองว่าไม่ใช่กระแสจริง และยืนยันว่าเนชั่นกรุ๊ปที่มีหลายกองบรรณาธิการ ปัจจุบันยังคงทำงานอย่างอิสระ สำคัญสุดองค์กรเนชั่นยังเป็นสื่อมวลชน ที่มุ่งนำเสนอข่าวสารเพื่อประเทศชาติและประชาชน ด้วยเป้าหมายเพื่อปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นี่คือสิ่งที่บริษัทในเครือเนชั่นกรุ๊ปยึดเป็นหัวใจหลัก ในการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนตลอดมา
ส่วนการถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เนชั่นทีวีที่ผ่านมามีนำเสนอข่าวเเบบเลือกข้าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ชี้แจงว่า ตนยืนยันการนำเสนอข่าวของเนชั่นทีวีเป็นการนำเสนอข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ตัวอย่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการถ่ายทอดสด เปิดพื้นที่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้นำแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วยความเสรี ภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าผู้ประกาศอาจมีความเห็นแตกต่างกับนักข่าวทั่วไป โดยอาจมีการแสดงความเห็นส่วนตัวประกอบเนื้อหาข่าว แต่ทุกครั้งจะเห็นได้ว่าผู้ประกาศได้มีการชี้แจงก่อนหรือท้ายข่าวเสมอว่าเป็นความเห็นของผู้ประกาศส่วนตัวเท่านั้น
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ยังแสดงความเห็นถึงสถานการณ์การเมือง จากการปลุกระดม ชุมนุมทางการเมือง ว่า ส่วนตัวคิดว่ามีหลายองค์ประกอบที่ต้องพิจารณา ดังคำกล่าวของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยบอกว่า รัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหา และรัฐประหารเป็นแค่ปลายเหตุการแก้ไขปัญหา เพราะการทุจริตคอร์รัปชันต่างหากที่เป็นต้นเหตุสำคัญที่สุด
และด้วยคำพูดนี้ ทำให้ตนรู้สึกอิจฉาประเทศที่ไม่มีการคอร์รัปชั่น ส่วนการที่มีการตั้งข้อสังเกตุเรื่องสื่อถูกปิดกั้น สำหรับตนเองอยากให้มองลงลึกไปถึงรายละเอียด ว่า ปัญหาแท้จริงคืออะไร เนื่องจากสื่อส่วนใหญ่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ จึงต้องไปดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นด้วย ว่าทิศทางความเห็นของผู้ถือหุ้นเป็นอย่างไร เพราะการถูกปิดกั้นหรือถูกเซนเซอร์ในลักษณะดังกล่าว มีบริบทสำคัญมากกว่าการที่ไปกล่าวโทษบางเหตุการณ์ในอดีต เช่น การที่มีทหารมาควบคุมการออกอากาศ จึงอยากให้เวทีนี้พูดความจริงให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่มิติทางการเมืองเพียงด้านเดียว
ส่วนบทบาทของสื่อไทยที่ถูกมองว่ามีบทบาทในการปลุกปั่นสถานการณ์ จนเกิดความขัดแย้งในวงกว้าง นักข่าวบางรายถึงขั้นขึ้นเวทีการชุมนุม นำม็อบด้วยตัวเอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด เน้นย้ำว่า สำหรับเนชั่นกรุ๊ปจะไม่มีบรรณาธิการ นักข่าว หรือผู้ดำเนินรายการคนใดของเครือเนชั่น ไปขึ้นเวทีหรือยุ่งเกี่ยวกับม็อบ หากมีก็จะไม่สามารถอยู่ในองค์กรได้ ตราบใดที่ตนยังเป็นประธานเนชั่น นี่คือกติกาที่ตกลงกันและเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น พร้อมย้ำว่า สื่อในเครือเนชั่นกรุ๊ป รายงานข่าวด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มีเจตนาปลุกปั่น แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้ดำเนินรายการบางครั้ งก็มีอารมณ์ร่วมเกินเลยไปบ้างซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงต่อไป
"การมาวันนี้ไม่ได้ถูกเชิญมาเพื่อพูดถึงสถาบันฯ แต่เชิญมาเพื่อพูดถึงบทบาทหน้าที่ของสื่อ และสื่อเปรียบเสมือนนกพิราบที่มีความเป็นอิสระ นกพิราบมีหลายสี หลายเชื้อชาติ แต่นกพิราบที่ดีไม่ขับถ่ายเรี่ยราด และต้องรับผิดชอบต่อสังคม ยืนยันว่านโยบายไม่กลัวการนำเสนอข่าว และรับผิดชอบทางสังคม หากยืนอยู่บนอุดมการณ์ที่ถูกต้อง สิ่งที่รับผิดชอบต่อสังคม คือ การทำหน้าที่ที่ครบถ้วน บุคลิกแต่ละแบรด์กลุ่มเป้าหมายคืออะไร ความรับผิดชอบคืออะไร"
ช่วงท้าย นายฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ระบุว่าการทำหน้าที่สื่อมวลชนท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง ถ้าพูดกันตามหลักการสร้างความแตกต่างที่แท้จริง มีการกำหนดเป็นพื้นฐานว่าไม่ควรใส่ความคิดเห็นลงในข่าวนั้นๆ กองบรรณาธิการต้องมีการสกรีนเรื่องข้อกฎหมาย และข่าวนั้นๆต้องนำเสนอให้ครบถ้วน เพราะสื่อมวลชนถือเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อสังคมและประชาชน โดยส่วนตัวมองว่าควรมีการขึ้นทะเบียน มีองค์กรอิสระดูแล แต่ทุกวันนี้มีสื่อออนไลน์จำนวนมาก มีการอ้างตัวเองว่าเป็นสื่อ เมื่อนำเสนอผิดพลาดไป ก็ไม่มีความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และต้องย้ำว่าในส่วนของสำนักข่าวเนชั่น มีการนำเสนอข่าวที่ครบถ้วน และแยกแยะชัดเจนว่า สิ่งใดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวอย่างชัดเจน
คลิกชมแถลงการณ์แบับเต็มได้ที่นี่