- 11 ก.ย. 2563
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวติดลบ 75% ในช่วง 2 ปี จากที่เคยมีคนเที่ยว 34 ล้านคนต่อปี เหลือ เฉลี่ย 8.5 ล้านคนต่อปี ส่วนรายได้ท่องเที่ยวลดลง 75% เหลือ 800,000 ล้านบาทต่อปี นั่นหมายถึงเม็ดเงินที่เคย ‘สะพัด’ ในประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวติดลบ 75% ในช่วง 2 ปี จากที่เคยมีคนเที่ยว 34 ล้านคนต่อปี เหลือ เฉลี่ย 8.5 ล้านคนต่อปี ส่วนรายได้ท่องเที่ยวลดลง 75% เหลือ 800,000 ล้านบาทต่อปี นั่นหมายถึงเม็ดเงินที่เคย ‘สะพัด’ ในประเทศไทย
และไหลเวียนหล่อเลี่ยงธุรกิจท่องเที่ยวของไทยปีละ 1.8-1.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 12% ของจีดีพี จะต้อง ‘หดหาย’ ไปอย่างน้อย 50-60% ในช่วง 2 ปีนับจากนี้
ส่วนนักวิเคราะห์ตลาดจากธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่า คาดว่าธุรกิจโรงแรมกว่า 50% จะอยู่ไม่ได้ และเมื่อธุรกิจล้มจะทำให้เกิดหนี้เสียตามมา เพราะนักท่องเที่ยวที่ลดลงไปมาก ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
ในขณะที่แหล่งเงินจากภาครัฐก็เข้าถึงได้ยากมาก เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินแล้ว เช่นเดียวกับธุรกิจกลุ่มสายการบินที่เสี่ยงฟองสบู่แตกเช่นกัน ขอรัฐช่วยเหลือ 80,000 ล้าน แต่กลับได้มาแค่ 20,000 ล้านบาท ทั้งที่ผู้โดยสารหายไปมากกว่า 70%
ส่วน ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย ระบุว่า เรามีห้องพักโรงแรมในระบบเยอะมากประมาณ 1.8 ล้านห้อง อย่างไรก็ต้องเหลืออยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีนี้ มันไม่มีทางกลับไปที่เดิม การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแบบ Travel Bubble
ให้เข้ามาได้วันละ 1,000 คน มันจะไปทดแทนตัวเลขนักท่องเที่ยวเดิมที่เคยเข้ามาวันละหลายหมื่นคนได้อย่างไร
ทั้งนี้ในช่วงโควิดโรงแรมใหญ่ในเมืองไทย เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพ ถูกเทขายให้ต่างชาติไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะชาวจีน
ต้องไม่ลืมว่าถ้าฟองสบู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวแตก ไม่ใช่แค่กลุ่มโรงแรมจะเจ๊งเท่านั้น แต่ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ จุดท่องเที่ยว
และห้างสรรพสินค้า ก็เจ๊งด้วยเช่นกัน เพราะมัน oversupply เช่นการปิดปาลิโอที่เขาใหญ่ ปิดซานโตรินี่ที่ชะอำ และการปิดเซ็นทรัลในหาดใหญ่ เป็นต้น
ภาพหาดป่าตองเงียบเหงา คูเมืองเชียงใหม่มืดมิดยามค่ำคืน ไกด์ท่องเที่ยวขาดรายได้มาร่วม 7 เดือน พนักงานโรงแรมอีกหลายล้านชีวิตโดนตัดเงิน 60% สะท้อนภาพเอสเอ็มอีท่องเที่ยวกำลังวิกฤติ กรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เผยครึ่งปีแรกธุรกิจ แจ้งปิดกิจการแล้ว 240 ราย
ขณะที่หลังคลายล็อกดาวน์ โรงแรมกลับมาเปิดให้บริการได้ไม่ถึงครึ่ง ในเมืองหลักเปิดได้แค่ 30% หวั่นธุรกิจรอดยากรายใหญ่ส่อปิดถาวรไม่น้อยกว่า 15% “หากประเทศไทยไม่ทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะทำให้ธุรกิจพังหมด
เพราะเงินหมุนเวียนมหาศาล จากที่ขณะนี้มีคนตกงานไปแล้ว 4 ล้านคน จะมีคนตกงานไปทั้งหมด 10 ล้านคน” รายงานจากกรมพัฒน์ระบุ
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ททท.ประเมินว่า ในปีนี้ประเทศไทยจะเก็บรายได้จากการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีได้ราว 742,500 ล้านบาท ลดลง 75% จากเดิมรายได้ปีละ 3 ล้านล้านบาท
ส่วนในปี 2564 ถ้าหากสถานการณ์ดีที่สุด ไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1.5 ล้านล้านบาท แต่ถ้าหากสถานการณ์แย่ที่สุด คาดว่าจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวมเพียง 675,700 ล้านบาท ลดลง 9% จากตัวเลขคาดการณ์ปี 2563
ส่วนบริษัทหางาน (JobThai) ระบุ ประเภทธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานน้อยที่สุดตอนนี้ คือธุรกิจท่องเที่ยว เปิดรับสมัครใหม่เพียง 1,690 อัตรา ซึ่งความต้องการแรงงานในธุรกิจนี้ลดลงถึง 65.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
>>>คนไทยหมดตัว
หนึ่งในสัญญาณความชิบหายของการท่องเที่ยวไทยคือ คนไทยไม่มีกำลังจ่าย หรือ สภาวะไร้แรงบริโภค สัญญาณที่ชัดเจนมากสุดคือ หนี้ครัวเรือนทะลุ 80% ของ GDP พบว่าประชาชนมีเงินออมเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายไม่เกิน 3 เดือน และประชาชนประมาณ 60% มีเงินออมไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย
ส่วนการจ้างงาน ชั่วโมงทำงานลดลง ค่าแรงลดใกล้ 0% ตัวอย่างชัดๆคือ โครงการเราเที่ยวด้วยกันคนลงทะเบียน ไม่ถึง 20% หรือแค่ 8 แสนคนจาก 5 ล้านคน จนภาครัฐต้องขยายเวลา แม้จะช่วยจ่ายค่าเที่ยว ค่าตั๋วเครื่องบิน
แต่คนไทยยังไม่กล้าไปเที่ยว เพราะความไม่เชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการเงินของรัฐบาล ในเวลานี้ทุกคนอย่างจึงต้องการเก็บเงินสดไว้กับตัว
อีกจุดตายเศรษฐกิจไทย คือการท่องเที่ยวแบบ New Normal โดยการกักตัว 14 วันก่อนไปเที่ยว จะมีสักกี่คนบนโลกที่มีเวลาว่างไปเที่ยวหรือลาหยุดงานนานนับเดือน เพื่อไปเสียเวลากับการกักตัวสองสัปดาห์ก่อนเที่ยวแถมเสียเงิน 50,000-60,000 บาท\คน
โดยห้ามออกนอกโรงแรมซึ่งมันก็ไม่ใช่นิสัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบ้านเรา