ศบค. แจ้งละเอียด ผลตรวจผู้ใกล้ชิดนักบอลไทยลีกติดโควิด

สืบเนื่อจากก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ประสานความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 นักฟุตบอล และทีมงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะกลับมาเปิดการแข่งขันเลกแรก ในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา และเลก 2 ช่วงเดือนมกราคม แต่มีการตรวจพบนักฟุตบอลติดเชื้อก่อน ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปว่าจะมีผลกระทบต่อการเปิดสนามศึก โตโยต้าไทยลีก นัดแรกหรือไม่

โดยนักฟุตบอลที่ติดเชื้อ สังกัดทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นชาวอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปี ประวัติเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม โดยอยู่ในสถานกักกันจนครบ 14 วัน ตรวจเชื้อทั้ง 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อ เดินทางออกจากสถานกักกันของรัฐมาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม โดยเดินทางกลับ จังหวัดบุรีรัมย์ทันที ด้วยรถตู้สโมสร มีคนขับรถตู้ 1 คน มีการใส่หน้ากากอนามัย 

ล่าสุด ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยข้อมูลผลการสอบสวนเพิ่มเติมกรณีนักฟุตบอล อุซเบกิสถาน โดยระบุว่า กองระบาดวิทยาได้เก็บตัวอย่างในผู้ป่วยและผู้สัมผัสใกล้ชิด จำนวน 44 ราย ประกอบด้วยนักฟุตบอล 23 ราย และทีมงาน 21 ราย ผลตรวจเป็นลบ 41 ราย อีก 2 ราย ให้ผลสรุปไม่ชัดเจน ซึ่งอยู่ระหว่างส่งตรวจซ้ำ และที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์มีการเก็บตัวอย่างในนักฟุตบอลร่วมฝึกซ้อมในสโมสรบุรีรัมย์ จำนวน 4 คน ทุกคนมีผลเป็นลบ

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2563 สสจ.จังหวัดขอนแก่น ได้มีการเก็บตัวอย่างทีมฟุตบอลขอนแก่น จำนวน 51 ราย เป็นนักฟุตบอล 33 ราย Staff 14 ราย นักศึกษาฝึกงาน 4 ราย ซึ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 15 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 36 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการตรวจ

สคร.5 ราชบุรี, สสจ.ราชบุรี, โรงพยาบาลราชบุรี และศวก.สมุทรสงคราม มีการเก็บตัวอย่างในผู้สัมผัสของทีมราชบุรี มิตรผล จำนวน 43 ราย ในจำนวนนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 32 คน ซึ่งเป็นนักฟุตบอล 15 ราย Staff 15 ราย คนขับรถ 2 ราย ไม่ได้สัมผัสผู้ป่วย และอยู่ระหว่างรอผลยืนยัน สสจ.บุรีรัมย์ ได้มีการค้นหาผู้ป่วยสัมผัสเพิ่มเติม พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 27 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 340 ราย อยู่ระหว่างรอเก็บตัวอย่างส่งตรวจ

ทั้งนี้ กองระบาดวิทยา ได้ติดตามผู้สัมผัสบนเครื่องบิน 2 แถวหน้าและสองแถวหลัง จำนวน 13 คน พบว่ามีการสวมหน้ากากอนามัยทุกคน ซึ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ โดยได้ทำการแจ้งผู้ร่วมโดยสารเครื่องบินให้สังเกตอาการของตัวเองอย่างน้อย 14 วัน และหลีกเลี่ยงพื้นที่ในชุมชน หากพบว่ามีอาการผิดปกติทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก จมูกไม่รับกลิ่น เป็นต้น ให้มาทำการตรวจหาเชื้อต่อไป

ขอบคุณภาพ Thai League และ กระทรวงสาธารณสุข