- 16 ก.ย. 2563
สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปสาวถูกกระชากผม ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สาเหตุมาจากเรื่องจองที่นั่งในรถตู้โดยสาร เนื่องจากสาวคนที่โดนกระชากผมนั้นได้นำกระเป๋าไปจองที่นั่งแถวหน้าของรถตู้ ทำให้หญิงผู้ก่อเหตุไม่พอใจ เมื่อลงจากรถตู้จึงตามมากระชากผม และโต้เถียงกัน เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวที่ถูกกระชากผม เป็นชาว อ.สอง จ.แพร่ ที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปสาวถูกกระชากผม ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สาเหตุมาจากเรื่องจองที่นั่งในรถตู้โดยสาร เนื่องจากสาวคนที่โดนกระชากผมนั้นได้นำกระเป๋าไปจองที่นั่งแถวหน้าของรถตู้ ทำให้หญิงผู้ก่อเหตุไม่พอใจ เมื่อลงจากรถตู้จึงตามมากระชากผม และโต้เถียงกัน เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวที่ถูกกระชากผม เป็นชาว อ.สอง จ.แพร่ ที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพมหานคร
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ขอเปิดเผยถึงกรณีที่สื่อออนไลน์นำเสนอข่าว “โดนกระชากหัว ปมจองเบาะรถตู้” ในพื้นที่ สน.พญาไท ว่า ได้รับรายงานจาก สน.พญาไท ว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 63 เวลาประมาณ 12.00 น. ได้มี ผู้หญิง อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท จากการสอบปากคำทราบว่า ผู้เสียหายได้โดยสารรถตู้จากฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่างที่โดยสารมาได้มีผู้ต้องหาที่ โดยสารรถตู้มาด้วยกัน ได้ด่า ผู้เสียหายว่า “นิสัยไม่ดี สันดานxxx” หลังจากผู้เสียหายลงรถตู้คันดังกล่าว ผู้ต้องหาได้เดินตามมาด่าว่าผู้เสียหายอีก และได้กระชากผมผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามผู้ต้องหารายดังกล่าวได้แล้ว โดยอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำที่เกี่ยวข้อง และจะแจ้งข้อหาผู้ต้องหาในความผิดฐาน “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ตามมาตรา 295 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในความผิดฐาน “ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า” ตามมาตรา 393 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
โดยในวันนี้ (16 ก.ย. 63 ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท จะนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงดุสิตต่อไป อีกทั้งขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนอย่าใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ควรตั้งสติและใช้สันติวิธีเข้ามาแก้ไข เพราะเมื่อใช้กำลังทำร้ายซึ่งอาจนำมาถึงความเสียหายทั้งต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน หากเกิดความเสียหายดังกล่าวขึ้น ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะเดียวกัน น.ส.หทัยรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี พี่สาวของคนที่ถูกกระชากผม กล่าวว่า หลังจากได้เห็นคลิป ทำให้ตนเป็นห่วงน้องสาวอย่างมาก เพราะไปถูกใครไม่รู้ทำร้าย ไม่สามารถไปช่วยเหลือได้ เพราะอยู่ไกลกัน ซึ่งตนและทางบ้านเป็นห่วงน้องสาวมาก ซึ่งจากการที่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายเหตุการณ์ไว้ได้ เห็นแล้วรู้สึกว่าหนักและทำกันเกินไป เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น น้องสาวเล่าว่า ไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกับคู่กรณีเลย กระทั่งมาถูกกระชากผม
ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ คู่กรณีที่เป็นหญิงสูงอายุไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ อยากให้ครอบครัวคู่กรณีตรวจสอบว่าป่วยไหม เพราะไม่รู้ว่าเมื่อทำกับน้องสาวตนแบบนี้แล้ว จะไปทำคนอื่นอีกไหม และสิ่งที่อยากฝากบอกคือขอให้ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่กระทำด้วย
ขอบคุณเพจ สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ